เที่ยวไหนดี!! ปักหมุด 5 Destination มาแรง จุดหมายระหว่างเส้นทาง ไม่ไปไม่ได้แล้ว

TEXT : กองบรรณาธิการ

Main Idea

 5 Destination ที่น่าสนใจ ปีใหม่นี้ต้องไป

  • ไร่ชาลุงเดช - อำเภอแม่แตง เชียงใหม่

 

  • Chai Café - อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

 

  • เฮินไต - อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

 

  • อินโดจีน - อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

 

  • Phuketique - อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

 

     เทศกาลปีใหม่นี้ หากใครยังไม่มีจุดหมายว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหนดี เรามี 5 Destination ที่น่าสนใจตั้งแต่เหนือจรดใต้มาแนะนำให้รู้จัก ทั้งที่เที่ยวและที่กิน ซึ่งนอกจากจะน่าเดินทางไปเที่ยวแล้ว ยังมีเรื่องราวธุรกิจที่น่าสนใจ ที่ไปเที่ยวแรงอาจได้แรงบันดาลใจดีๆ ในการทำธุรกิจอีกด้วย มีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย

ไร่ชาลุงเดช อ.แม่แตง จ. เชียงใหม่

     เที่ยวก็ดี : หนาวนี้หากใครมีโอกาสได้แอ่วเมืองเหนืออย่างเชียงใหม่ อยากแนะนำให้ไปแวะยัง “ไร่ชาลุงเดช” ที่อำเภอแม่แตง คุณจะได้มาสัมผัสอากาศเย็น และสีเขียวขจีของไร่ชาบนยอดดอยสูง โดยจุดเริ่มต้นนั้นที่นี่ คือ ไร่ชาทางการเกษตรเหมือนกับที่อื่นๆ ทั่วไป แต่ด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และการดูแลต้อนรับเป็นกันเองอย่างดีจาก “ลุงเดช รังษี” เจ้าของไร่ จนทำให้เริ่มมีผู้คนแวะเวียนมาหาเรื่อยๆ จากไร่ชาที่เคยผลิตวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว จึงกลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวนั่นเอง โดยที่ไร่ชาลุงเดชจะมีเปิดเป็นที่พักบริการเล็กๆ เพียง 4-5 หลัง แต่หากใครอยากแค่แวะมาเที่ยวกินอาหารเครื่องดื่ม และขนมอร่อยๆ ที่ทำจากชาก็ได้ เพราะจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 60 กว่ากิโลเมตร ขับรถประมาณ 1.30 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว

     ธุรกิจก็น่าสนใจ : โดยหากย้อนกลับไปเมื่อราว 30 กว่าปีก่อน ลุงเดช รังษี คือ บุคคลในยุคแรกๆ ที่เริ่มต้นทำไร่ชาในเมืองไทยจากการสนับสนุนของทางราชการไทย และยังเป็นบุคคลที่แทบจะเรียกว่าเป็นคนสุดท้าย เป็น Last Man Standing ในการทำไร่ชาอู่หลงและชาเขียวคนสุดท้ายแห่งดอยม่อนเงาะด้วย เพราะความมานะบากบั่นของลุงเดชจึงทำให้ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้

     อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/entrepreneur/8132.html

Chai Café อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

     เที่ยวก็ดี : จากตัวเมืองเชียงใหม่ เลยไปจนถึงอำเภอเชียงดาวอีกราวร้อยกว่ากิโลเมตร นอกจากยอดเขาหลวงที่ตั้งสูงเด่นเป็นสง่ามองจากมุมไหนของเมืองก็เห็นแล้ว ที่นี่ยังมีร้านกาแฟเล็กๆ จากบาริสต้าและคนทำกาแฟฝีมือดี เป็นที่รู้จักในวงการกาแฟซ่อนอยู่ด้วย ร้านที่ว่า คือ “Chai Café” เจ้าของ คือ “สุรชัย ดิทา” หรือ ชัย ชายหนุ่มผู้บุกเบิกนำกาแฟเมืองคองแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตออกมาให้ผู้คนภายนอกได้รู้จัก โดยประสบการณ์การทำกาแฟมากว่า 20 ปี ตั้งแต่ลงมือคั่วเมล็ดด้วยตัวเอง จนถึงการชง จึงมั่นใจได้ว่าหากอยากดื่มกาแฟดีๆ สักแก้ว ชอบรสชาติแบบไหน เขาสามารถจัดให้ได้

     ธุรกิจก็น่าสนใจ : ร้านของชัยเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ตกแต่งเรียบง่าย อาจไม่ได้เป็นที่สะดุดตาจากนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ด้วยคุณภาพที่ตั้งใจรังสรรค์ทุกแก้วอย่างพิถีพิถันด้วยตัวเอง จึงถือเป็นอีกหนึ่งร้านลับที่คอกาแฟตัวจริงมักแวะมาเยือน โดยนอกจากในไทยแล้ว ชัย กาแฟยังเป็นอีกหนึ่งร้านที่รู้จักดีของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ ยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน มักแวะมาเยือนอยู่เสมอด้วย

     อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/management/8661.html

เฮินไต อ. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน

     เที่ยวก็ดี : หากใครชอบทุ่งนาสีเขียวขจีของนาขั้นบันได อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขับรถราว 4 ชั่วโมงจากตัวเมืองเชียงใหม่ คือ อีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งหากพูดถึงแม่ลาน้อย ใครๆ ก็ต้องรู้จัก “เฮินไต” ที่พักกลางทุ่งนาที่นำวัฒนธรรมและวิถีของชาวไตชาวพื้นเมืองของแม่ฮ่องสอนมาผสมผสานในการออกแบบ โดยก่อนที่แม่ลาน้อยจะเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอย่างเช่นทุกวันนี้ ที่นี่แทบจะเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ไม่มีใครแวะเวียนมาท่องเที่ยว เป็นทางผ่านจากเชียงใหม่ เพื่อไปยังแม่ฮ่องสอนเท่านั้น แต่ด้วยการบุกเบิกของ “ถิรมนัส วงศ์คีรี” หรือ “เน็ต” จึงทำให้เฮินไต และแม่ลาน้อยเป็นที่รู้จักขึ้นมาได้

     ธุรกิจก็น่าสนใจ : เน็ตได้นำแนวคิดเปลี่ยนโลว์ซีซั่น ซึ่งเดิมจะมีลูกค้าเฉพาะหน้าหนาวให้กลายมาเป็นไฮซีซั่นของเมืองขึ้นมาได้ โดยใช้ความเขียวขจีของทุ่งนาสีเขียวในฤดูฝนมาเป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสธรรมชาติ ทำยอดจองห้องพักที่นี่แน่นตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม จนถึงกลางกุมภาพันธ์เลยทีเดียว แถมใครอยากจองต้องเผื่อเวลาล่วงหน้ากันสักหน่อยด้วย เพราะขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งรีสอร์ตจองยากที่สุดไปแล้ว

     อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/entrepreneur/7763.html

อินโดจีน จ.อุบลราชธานี

     เที่ยวก็ดี : จากภาคเหนือแล้ว ลองมาแวะเที่ยวอีสานกันสักหน่อย ซึ่งหากใครได้มีโอกาสผ่านมายังจังหวัดอุบลราชธานีแล้วละก็ อยากจะขอแนะนำให้รู้จักกับร้านอาหารเวียดนามเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองอุบลฯ มากว่า 50 ปี ร้านที่ว่าดังกล่าวชื่อว่า “อินโดจีน” ที่นี่มีอาหารเวียดนามหลากหลาย เป็นสูตรเวียดนามแท้ปัจจุบันดูแลโดย “ขยันวิทย์ ศรีสกุลวรรณ” หนึ่งในทายาทรุ่นที่ 3 เคล็ดลับที่เป็นจุดเด่นความอร่อยของร้าน และยังเป็นจุดแข็งของธุรกิจที่ทำสืบต่อกันมานาน ก็คือ แผ่นแป้งของที่นี่จะผลิตขึ้นมาเอง เริ่มตั้งแต่ปลูกข้าวใช้เอง จนถึงการผลิตออกมาเป็นแผ่นแป้งเลยทีเดียว โดยพันธุ์ข้าวที่ใช้ ก็คือ “ข้าวเจ้าพันธุ์ทอง” ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์โบราณ ซึ่งมีความเหนียวและแข็งกว่าข้าวพันธุ์อื่นๆ เวลานำมาทำแผ่นแป้งจึงมีความเหนียวอยู่ตัวรับประทานอร่อยกว่า แต่ด้วยความที่ไม่นิยมปลูกหาได้ยาก จึงเปลี่ยนมาเป็นพันธุ์ข้าวเจ้าสุรินทร์ 1 แทน ซึ่งมีความใกล้เคียงกัน

     ธุรกิจก็น่าสนใจ : ใส่ใจในการผลิตวัตถุดิบ แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ โดยในแต่ละปีร้านอินโดจีนจะปลูกข้าวไว้ใช้ทำแผ่นแป้งเองราว 10 ไร่ ใน 1 ไร่จะให้ผลผลิตเป็นข้าวเปลือกอยู่ที่ 300 – 400 กิโลกรัมต่อไร่ สีออกมาเป็นข้าวขาวแล้วจะเหลืออยู่ที่ประมาณ 200 กิโลกรัม ในปีหนึ่งๆ จึงเท่ากับว่าเขาปลูกข้าวเพื่อนำมาใช้ผลิตเป็นแผ่นเมี่ยงอยู่ในร้านไม่ต่ำกว่า 2,000 กิโลกรัมต่อปีทีเดียว

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/entrepreneur/8503.html

Phuketique จ.ภูเก็ต

     เที่ยวก็ดี : ลงใต้กันไปบ้าง หากใครมีโอกาสได้มาเยือนยังจังหวัดภูเก็ต ขอแนะนำให้รู้จักกับร้าน “Phuketique” ร้านคาเฟ่และนั่งกินดื่มสุดฮิตในยามค่ำคืนบนถนนระนอง เป็นอีกหนึ่งร้านในภูเก็ตที่ถูกพูดถึงบนโลกโซเชียลค่อนข้างมาก เมนูขึ้นชื่อที่ว่ากันว่าต้องมากินก่อนตาย ก็คือ ขนมปังโทสต์

     ธุรกิจก็น่าสนใจ : โดยเจ้าของร้าน “เพียงเพ็ญ ธรรมประดิษฐ์” หรือ ยุ้ย ได้นำความรู้จากที่เคยผ่านงาน F & B (อาหารและเครื่องดื่ม) มาก่อน ซึมซับความรู้จากคนเก่งๆ และเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีดัดแปลงจนผลิตเป็นเมนูอาหารในแบบฉบับของตัวเองออกมาได้ จนรสชาติถูกใจลูกค้าเป็นที่กล่าวขานมาจนทุกวันนี้

     อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/entrepreneur/7811.html

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

รวม 3 แบรนด์มะขาม รายได้ 100 ล้าน

พาไปส่อง 3 แบรนด์มะขามดัง ทั้งมะขามสารัช บ้านมะขาม และจี๊ดจ๊าด ที่บอกเลยว่ารายได้ไม่ธรรมดา เพราะเติบโตจนมีรายได้หลัก 100 ล้านบาท

The Bus Collective เปลี่ยนรถบัสเก่าเป็นโรงแรมสุดชิค ผสานดีไซน์ล้ำกับการท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างลงตัว

โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนรถบัสปลดระวางให้กลายเป็น “ที่พักระดับพรีเมียม” โปรเจกต์นี้ไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าใหม่จากทรัพยากรที่หมดอายุการใช้งาน แต่ยังตอบโจทย์เทรนด์ การท่องเที่ยวยั่งยืนที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก