หลังจากเกิดสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมาทำให้หลายๆ ประเทศขาดแคลนแรงงานกันมากขึ้น ทำให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะการทำธุรกิจต้องขับเคลื่อนด้วยแรงงาน แรงงานไม่พออาจจะทำให้ธุรกิจสะดุดได้ดเช่นกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ข้างต้น ทำให้ธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ เทคโนโลยีที่ว่า คือ อะไร และมันจะเจ๋งขนาดไหน วันนี้จะพามาดูกัน
ไปดูความเจ๋งของหุ่นยนต์เติมสต็อกสินค้ากัน
Family Mart เป็นร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น เริ่มใช้หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเติมสต๊อกชั้นวางสินค้า เพื่อรับมือกับจำนวนแรงงานที่ลดลงในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจำนวนแรงงานเป็นหนึ่งปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในญี่ปุ่น และบางธุรกิจก็เริ่มได้มองแรงงานที่จะมาทำทดแทนมนุษย์แล้ว ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้เพราะประเทศเขาขึ้นชื่อเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยีอยู่แล้ว นั้นก็คือ หุ่นยนต์
อย่างในกรณีของ Family Mart ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกับ Telexistence บริษัทหุ่นยนต์ในโตเกียวเพื่อแนะนำหุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในร้านค้าหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ ซึ่งหุ่นยนต์ที่ว่านี่จะทำการจัดวางสต็อกสินค้าบนชั้นวางสินค้า แต่จะมีมนุษย์เป็นคนควบคุมผ่าน AI และพวกเขาคาดว่าวิธีนี้จะทำให้การทำงานของมนุษย์ทำงานได้ง่ายขึ้น
หุ่นยนต์ที่ว่านี่มีชื่อว่า TX SCARA ย่อมาจาก Selective Compliance Robot Arm ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ตัวใหม่ของ ที่ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์ม Jetson AI ของ Nvidia Telexistence เพื่อประมวลผลข้อมูลและใช้โครงสร้างพื้นฐาน Azure Cloud ของ Microsoft เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานของการบันทึกข้อมูลการขายได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดีของการใช้หุ่นยนต์ในการจัดวางสต็อกสินค้า
จากข้อมูลของ Telexistence หุ่นยนต์ TX SCARA แต่ละตัวสามารถทดแทนแรงงานมนุษย์ได้วันละ 1-3 ชั่วโมงต่อร้านสะดวกซื้อหนึ่งแห่ง ทำให้มนุษย์เหลือเวลาว่างในการทำงานตรงนี้มากขึ้น ทำให้สามารถเข้าไปดูแลและใส่ใจในเรื่องของการบริการลูกค้า หรือเรื่องอื่นๆ มากยิ่งขึ้น
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการใช้หุ่นยนต์วางสินค้า สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากมนุษย์ 98% ของเวลาทั้งหมด อีก 2% ของเวลานั้น มนุษย์สามารถควบคุมหุ่นยนต์ตัวนี้ได้จากระยะไกลได้ผ่านทาง AI และการใช้บริการของหุ่นยนต์ตัวนี้ ทาง Telexistence จะทำการเก็บค่าบริการเป็นรายเดือน
วางแพลนขยายไปตลาดต่างประทศ
หุ่นยนต์ TX SCARA กำลังเปิดตัวในร้านแฟมิลี่มาร์ทประมาณ 300 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หากพิสูจน์ได้ว่าหุ่นยนต์มีประโยชน์ตามที่ Telexistence คาดหวังไว้ ก็มีแผนจะเปิดตัวในร้านค้าในญี่ปุ่น 16,000 แห่งของบริษัท และTelexistence และ Microsoft ได้ประกาศแผนการที่จะขยายไปสู่ตลาดร้านสะดวกซื้อในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศอื่นๆ อีกด้วย “และหุ่นยนต์ของ Telexistence จะกลายเป็นแหล่งจัดหาแรงงานใหม่ๆ ที่ไม่มีวันหมด” Jin Tomioka ซีอีโอของ Telexistence กล่าว “
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี