จับตาเทรนด์การจัดการคลังสินค้ายุคใหม่ รับมือผู้บริโภค “ฉันต้องการสินค้าเดี๋ยวนี้!”




Main Idea


ผู้บริโภคยุคนี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป อยากได้อะไรก็ต้อง “ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!” มีความอดทนน้อยลง เรียกร้องมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม และผูกโยงกันเป็นห่วงโซ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตสินค้า กลุ่มค้าปลีก ตลอดจนระบบปฏิบัติการด้านคลังสินค้า


ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคทั่วโลก ส่งผลต่อการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ ที่ต้องลดระยะเวลาการดำเนินงานต่างๆ ให้สั้นลง วางแผนกลยุทธ์รูปแบบใหม่  ให้ความสำคัญกับทั้งระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของพนักงาน  เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที





     นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวด ที่จะรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ ยุคที่ผู้คนมีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป อยากได้อะไรก็ต้อง “ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!” มีความอดทนน้อยลง เรียกร้องมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม และผูกโยงกันเป็นห่วงโซ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตสินค้า กลุ่มค้าปลีก ตลอดจนระบบปฏิบัติการด้านคลังสินค้าด้วย
               

     ศิวัจน์  โรจนเต็มศักดิ์, ผู้จัดการประจำประเทศไทย, ซีบรา เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันค้นหาสินค้าและซื้อสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคที่ว่า “ฉันต้องการสินค้าเดี๋ยวนี้” ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนทั้งในด้านการผลิต ค้าปลีก และระบบปฏิบัติการคลังสินค้า ที่ต้องสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที โดยผลสำรวจของซีบราพบว่า 49 เปอร์เซ็นต์ ของผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเผยว่าความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตของธุรกิจ โดยเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าการลดระยะเวลาการดำเนินงานต่างๆ ให้สั้นลงเป็นสิ่งสำคัญในแผนการขยายธุรกิจและนำมาสู่การวางแผนกลยุทธ์รูปแบบใหม่ในวันนี้
           

     ทั้งนี้ ซีบรา เทคโนโลยีส์ ได้ทำการศึกษาเทรนด์ในอนาคตด้านการจัดการระบบคลังสินค้าภายในปี 2567 โดยสำรวจจากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 1,403 คน (352 ราย มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจการดำเนินงานด้านระบบอุตสาหกรรมการผลิตและการขนส่ง, การค้าปลีก, การขนส่งทางไปรษณีย์ และตลาดผู้ค้าส่งในทวีปอเมริกาเหนือ, ละตินอเมริกา และเอเชียแปซิฟิก ในการวิเคราะห์ถึงกลยุทธ์ที่ใช้ในการดำเนินงานปัจจุบันและแนวทางในการวางแผนในการพัฒนาคลังสินค้า, ศูนย์กระจายสินค้า และฟูลฟิลล์เมนท์ เซ็นเตอร์ (Fulfilment Center) จนออกมาเป็นเทรนด์ในอนาคตด้านการจัดการคลังสินค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Warehousing Asia Pacific Vision Study)
               

     ซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
 



     ภายในปี 2567 ระบบอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าเข้ามาแทนที่พนักงาน
 

     57 เปอร์เซ็นต์ ของผู้มีอำนาจในการตัดสินใจวางแผนเปลี่ยนการทำงานบางส่วนเป็นระบบอัตโนมัติและนำระบบเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานในจัดการคลังสินค้า


     70 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามเผยว่าการบริหารจัดการโดยพนักงานเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสมดุลของระบบคลังสินค้า โดย 43 เปอร์เซ็นต์ ต้องการใช้ระบบทำงานอัตโนมัติจัดการในบางส่วน (พนักงานยังคงมีส่วนร่วม) และ 27 เปอร์เซ็นต์ ต้องการใช้ระบบการทำงานร่วมกัน (พนักงานทำงานร่วมกับอุปกรณ์ดีไวซ์)


     ภายในปี 2567 ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจคาดว่าจะใช้หุ่นยนต์เพื่อจัดการสินค้าคงคลังขาเข้า (27 เปอร์เซ็นต์) การบรรจุภัณฑ์ (24 เปอร์เซ็นต์) และสินค้าที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง/การรับสินค้า (21 เปอร์เซ็นต์)
 



     การวางแผนกลยุทธ์ด้านฟูลฟิลล์เมนท์และการปฏิบัติงานยังคงมีบทบาทสำคัญมากที่สุดในการรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ในระบบคลังสินค้า

           

     68 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า อัตราการใช้กําลังการผลิต (Capacity Utilization) ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญ
               

     68 เปอร์เซ็นต์ ขององค์กรเผยว่าการจัดหาพนักงาน/ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและประสิทธิภาพผลผลิตนั้นเป็นความท้าทายสำคัญที่องค์กรต้องเผชิญ ซึ่ง 62 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานหรือเพิ่มผลผลิตของการทำงานเป็นทีม ในขณะที่ยังคงสอดคล้องกับขั้นตอนการทำงานที่ลื่นไหล
           

     ในอีก 5 ปีข้างหน้า การใช้ประโยชน์ด้านไอที/เทคโนโลยีถือเป็นความท้าทายด้านการปฏิบัติงานที่ใหญ่ที่สุด (68 เปอร์เซ็นต์) รวมถึงการเพิ่มผลลัพธ์ระยะยาวสำหรับระบบการตรวจสอบสถานะสินค้า, เครื่องแนะนำการดำเนินงานอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ และการวิเคราะห์เชิงข้อมูลเพื่อขับเครื่องธุรกิจ
           

      เมื่อคลังสินค้าขยายพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจจึงต้องการเพิ่มระบบการตรวจสอบสถานะตำแหน่งสินค้าและการดำเนินงานโดยเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์ในการจัดการระบบปฏิบัติงาน (85 เปอร์เซ็นต์), วางแผนเส้นทางของการปฏิบัติงาน (85 เปอร์เซ็นต์), บริการเสริมเพิ่มเติม (84 เปอร์เซ็นต์) และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (88 เปอร์เซ็นต์)
 



     การลงทุนและการนำเทคโนโลยีรูปแบบใหม่เข้ามาใช้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแบบออนดีมานด์

 

     เกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม (48 เปอร์เซ็นต์) ระบุว่าความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าให้แก่ผู้รับถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจคลังสินค้า
           

     จำนวน 3 ใน 4 ของผู้ที่มีอำนาจการตัดสินใจ (75 เปอร์เซ็นต์) มีความเห็นตรงกันว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องปรับปรุงการดำเนินงานระบบคลังสินค้าให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อข้อได้เปรียบในเชิงแข่งขันยุคเศรษฐกิจแบบออนดีมานด์ แต่ยังอย่างไรก็ตามองค์กรยังคงปรับตัวอย่าล่าช้าสำหรับการใช้งานอุปกรณ์แบบพกพาและเทคโนโลยี
           

     73 เปอร์เซ็นต์ ของบริษัทต่างๆ กำลังอยู่ในช่วงการปรับปรุงระบบคลังสินค้าให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยได้มีการนำอุปกรณ์ดีไวซ์แบบพกพาเข้ามาเป็นเครื่องมือให้กับพนักงานภายในองค์กร ซึ่งภายในปี 2567 การทำงานแบบทันสมัยนี้จะถูกขับเคลื่อนโดยคอมพิวเตอร์พกพาระบบแอนดรอยด์โซลูชั่น (90 เปอร์เซ็นต์) ระบบระบุตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (RTLS) (60 เปอร์เซ็นต์) และระบบการจัดการคลังสินค้าเต็มรูปแบบ (WMS) (55 เปอร์เซ็นต์)
           

    66 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถาม เผยว่าในระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า เครื่องพิมพ์ฉลากบาร์โค้ดแบบพกพาหรืออุปกรณ์เครื่องพิมพ์ระบบความร้อน (Thermal Printer )จะเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรพิจารณาลงทุนเพิ่มจำนวนและอัพเกรดให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น
 
           
     จากการสำรวจยังพบอีกว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายในปี 2567 จำนวน 87 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีการวางแผนที่จะใช้ระบบอุปกรณ์แบบพกพา เพื่อช่วยให้การทำงานของพนักงานในพื้นที่คลังสินค้าเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
               

      73 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่มีอำนาจการในตัดสินใจ เผยว่าภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า พวกเขามีการวางแผนที่จะลงทุนใช้สมาร์ทวอทช์, แว่นตาอัจฉริยะ และอุปกรณ์ดีไวซ์พกพาแบบคาดเอวด้วย
 


               

     SME ไทยที่อยู่ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมเหล่านี้ก็ต้องเตรียมปรับตัวเอง เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกวันนี้ด้วย เมื่อผู้บริโภคต้องการสินค้าเดี๋ยวนี้! SME ก็ต้องรับมือให้ทัน


 
     ที่มา : ซีบรา เทคโนโลยีส์



 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: TECH

แสงตะวัน อ่อนน่วม พัฒนาแพลตฟอร์ม แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนให้ธุรกิจที่พักไซส์เล็ก

ปัญหาหนึ่งของธุรกิจโรงแรมเล็ก คือต้นทุนการดำเนินงานสูง และมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน แสงตะวัน อ่อนน่วม ซึ่งเห็น Pain Point ดังกล่าว จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Shin Platform Hotel Self-Service Solution ขึ้นมา เพื่อช่วยทดแทนแรงงานคน, บริษัท ชิบะรูม

เจ๋งป่ะล่ะ! AI ผู้ช่วยเชฟคนใหม่ เก็บข้อมูลทำเมนูสุดโปรดเสิร์ฟลูกค้า ช่วยสแกนเศษอาหาร ลดต้นทุน ลดขยะ

ปัจจุบันโลกเรามีการนำ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มาใช้พัฒนา ปรับปรุงสิ่งต่างๆ ขึ้นมากมาย ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆ ไปจนถึงเรื่องเล็กๆ ล่าสุดใครจะคิดว่า แม้แต่ถังขยะในครัวของโรงแรมและร้านอาหาร ก็มีการนำ AI เข้ามาใชั

Mewre น้ำดื่มเพื่อสุนัขและแมวเจ้าแรกของโลก จากไอเดียที่ไม่อยากให้น้องป่วย เมื่อผู้บริโภคไม่ได้มีแค่คนเท่านั้น

Mewre น้ำดื่มเพื่อสุนัขและแมวเจ้าแรกของโลก อีกหนึ่งสินค้านวัตกรรมที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์ชาว Pet Parent หรือ การเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว