กว่า 80 ปีที่ HP ได้เริ่มต้นขึ้นบนโลกใบนี้พร้อมกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในแต่ละยุค ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์ตั้งโต๊ะตัวแรกของโลก การคิดค้นสิ่งใหม่ตามสโลแกนอย่าง Keep Reinventing เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการรันธุรกิจของ HP ซึ่งไม่ได้หยุดแค่สิ่งที่คนต้องการ แต่ยังคิดล่วงหน้าไปไกลกว่านั้น ถึงสิ่งที่คนต้องการในอนาคต และนี่คือหนึ่งในองค์กรที่มี DNA ของผู้คิดค้น หรือที่เรียกว่า The Innovator’s DNA ที่แท้จริง
ปวิณ วรพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชพี อิงค์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมของ HP ที่มีมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นรวมถึงการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนจากไอเดียให้กลายเป็นโปรดักต์ที่สามารถใช้งานได้จริง
“คำว่า Innovation เป็น DNA ของบริษัทเรามาตั้งแต่ต้น บริษัทของเราเป็นคนที่ผลิตและคิดค้นอะไรหลายอย่างเป็นคนแรกของโลก เรามีการทำ R&D มีนวัตกรรมมากมาย ซึ่งนวัตกรรมของเราในตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ PC หรือ Notebook แล้ว แต่เรามีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี เช่น Sprout ตัวนี้มันเป็น All in one มี 3D Scanner ด้วย เหมาะสำหรับพวกงาน Graphic design, Architecture, Manufacturing ตัวนี้สามารถวางวัตถุลงบนกระดานแล้วแปลงจาก Physical เป็น Digital ได้เลย หรือ Mobile Printer ที่เราเรียกว่า Sprocket เป็นเครื่องปริ๊นท์ที่เล็กที่สุด เอาไว้พกพาระหว่างเดินทาง ซึ่งไม่ต้องใช้หมึกในการพิมพ์ เพราะตัวหมึกจะอยู่ในกระดาษแล้วใช้ความร้อนแสดงค่าสีออกมาได้เลย เป็นนวัตกรรม Zink (Zero Ink) เรามีทีม R&D ในการคิดค้นและพัฒนา ถ้าเป็นแบรนด์ทั่วไปอาจจะผลิตสินค้าแล้วออกมาขายแต่เราจะต้องคิดถึงปัจจุบันและอนาคตว่าควรที่จะผลิตสินค้าอะไร ที่ออกมาแล้วจะทำให้ผู้คนสะดวกสบายมากขึ้น”
เมื่อพูดถึงเรื่องของการทำธุรกิจยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ยิ่งทำให้คนสู้กันด้วยเรื่องของราคาจนกลายเป็น Red Ocean ที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก
“ความยากในการทำธุรกิจตอนนี้ ผมมองว่ามันคือการทำตลาด ทุกคนตัดราคากันหมด แข่งกันลดราคา ทำสินค้าคุณภาพต่ำออกมาสู้กัน คำถามคือคุณจะทำอย่างไรให้สินค้าของคุณมีคุณค่ามากขึ้น? มีอยู่ 3 สิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจ นั่นคือ 1.ต้องเข้าใจเทรนด์ในยุคนี้ มีเทรนด์อะไรที่สำคัญบ้าง 2.เข้าใจลูกค้า ใช้ Big data หรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเก็บข้อมูลลูกค้า ซึ่งง่ายกว่าในสมัยก่อนที่ต้องทำ Paper นั่งจดโปรไฟล์แต่ละคน แต่ตอนนี้คือใช้ Big data เข้าโปรแกรมวิเคราะห์ดู Pattern ของลูกค้าแต่ละคนได้เลยเพื่อขายของให้เขาได้ตรงจุด 3.เข้าใจตัวเอง สินค้าของเราจะตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไร เราจะพัฒนานวัตกรรมอะไรได้บ้างเราต้องพัฒนาสินค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับกลุ่มลูกค้าที่ยอมจ่ายแพงกว่าแต่ต้องการสินค้าที่ดีขึ้น”
โดยปวิณได้ยกตัวอย่างในการที่ SME จะเริ่มใช้นวัตกรรมเข้ามาพัฒนาธุรกิจได้ 2 แบบคือการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ามาช่วยในการทำธุรกิจและอีกรูปแบบคือเรื่องของการพัฒนาแพ็คเกจจิ้งด้วย Digital Printing
“ผมขอยกตัวอย่าง VR (Virtual Reality) คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าเป็นเรื่องของเกม แต่แท้จริงแล้วก็สามารถนำไปใช้การทำธุรกิจได้ด้วย เช่น คุณทำธุรกิจออกแบบ ขายบ้านหรือการตกแต่ง ถ้าแบบดั้งเดิมคือคุณต้องแต่งร้านหรือสร้างแกลรี่เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นภาพ ตรงนี้ขั้นตอนมันเยอะแถมยังต้นทุนสูง แต่ตอนนี้คุณสามารถนำเทคโนโลยี VR เข้ามาใช้ได้ ทาง HP มีที่เรียกว่า VR Backpack มาเป็นเป้หนึ่งใบ สามารถใส่แว่นแล้วมองเห็นภาพเสมือนจริงได้เลย เพราะปกติ VR จะเครื่องใหญ่ มีสายระโยงรยางค์ แต่อันนี้เป็นเป้ใบเดียว หรืออีกหนึ่งตัวอย่าง สมมติว่าคุณจะขายกล้วยตาก แต่เดิมอาจจะต้องพิมพ์สติกเกอร์ แล้วแปะลงบนถุง ซึ่งมันไม่สวยแถมช้าด้วย แต่ตอนนี้มี Digital Printing มาทดแทนการพิมพ์แบบเดิมๆ ที่ต้องมีเพลท ต้องพิมพ์ครั้งละเยอะๆ ซึ่ง Digital Printing สามารถพิมพ์แบบ Low Volume ได้ ดีไซน์เองได้ สร้างแบรนด์เองได้ ใส่ Serial Number วันหมดอายุได้ หลังๆ เราจะเห็นว่ามีแบรนด์เกิดใหม่เยอะมาก เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาช่วยตอบโจทย์นั่นเอง”
นอกจากนี้ปวิณได้ฝากทิ้งท้ายไว้ว่านวัตกรรมในยุคนี้ ไม่ใช่เรื่องของ Innovation อย่างเดียวแต่ต้องถึงเรื่องของการ Disrupt คู่แข่งด้วยการใช้เทคโนโลยี
“คุณต้องรู้ทันเทรนด์ รู้ทันลูกค้าและรู้ทันตัวเอง ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้ Disrupt คู่แข่งได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งการ Disrupt นี่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงนะ แต่มันคือพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากขาวเป็นดำเลย นวัตกรรมในความคิดของผมคือการต้องพร้อมเสมอในการปรับเปลี่ยน”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
