ปีๆ หนึ่งหากนับต้นทุนที่ลงไปกับการทำฉลากนั้น ในหลายธุรกิจอาจเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะด้วยระบบการผลิตฉลากแบบเดิมๆ ของโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ที่ต้องพิมพ์ template สี ไว้ก่อน แล้วจึงพิมพ์เป็นตัวฉลากแบบขาวดำลงบน template ที่เป็นสีอีกที ซึ่งต้องพิมพ์เป็นจำนวนหลักหมื่นขึ้นไป ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งยังถูกจำกัดความหลากหลาย หากต้องการปรับเปลี่ยนแก้ไขแม้เพียงนิดเดียว ของเก่าก็ต้องทิ้งทั้งหมด และเสียเงินเพิ่มขึ้นในการพิมพ์ใหม่ ด้วยเหตุนี้ เครื่องพิมพ์ฉลากสีของเอปสัน จึงได้ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการธุรกิจที่ต้องการประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความโดดเด่น ดีไซน์ที่แตกต่างให้กับสินค้า เป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่า ช่วยลดต้นทุน ให้กับสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย
การทำงานของเครื่องพิมพ์ฉลากสีของเอปสัน นั้น เป็นการทำงานแบบ One Stop Printing Solution ที่สามารถสั่งพิมพ์ได้ทั้งแบบสีและขาวดำในครั้งเดียว โดยไม่ต้องมีการแยก template สีและขาวดำเหมือนกับระบบงานพิมพ์ทั่วไป พูดง่ายๆ ว่าไม่ว่าจะกี่สี ก็สามารถสั่งพิมพ์ออกมาพร้อมกันได้ในครั้งเดียวกัน ทำให้ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย ที่สำคัญสามารถเลือกสั่งพิมพ์ในจำนวนตามความต้องการใช้งานในแต่ละครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องสต็อก template ไว้ ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ ด้วยเทคโนโลยีของเอปสันยังช่วยให้ได้งานพิมพ์สีสันสวยงาม คมชัด ไม่ละลายน้ำ กันรอยขีดข่วน และสีไม่ซีดจาง รองรับวัสดุการพิมพ์ได้หลากหลาย มีคุณภาพ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเลอะเทอะจากการจัดเก็บหรือความเสื่อมของคุณภาพกระดาษที่จัดเก็บไว้นานๆ เพราะสามารถสั่งพิมพ์ออกมาใช้ใหม่ได้ทุกครั้งที่ต้องการ
นอกจากจะช่วยประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลาในการทำงานแล้ว เครื่องพิมพ์ฉลากสีของเอปสัน ยังสามารถช่วยในการปรับใช้ตามความต้องการ โดยสามารถปรับลด เพิ่มขนาด หรือเปลี่ยนฉลากในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานที่หลากหลายของสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ ที่มีอยู่ โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที ไม่เสียเวลาในการสั่งผลิตใหม่เหมือนกับระบบการทำงานของโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ ทำให้เกิดความยืดหยุ่นได้มากกว่า อีกทั้งเป็นการช่วยประหยัดต้นทุนในระยะยาวด้วย เช่น ถ้าวันหนึ่งอยากลดต้นทุนในเรื่องบรรจุภัณฑ์ โดยการเปลี่ยนขนาด ก็สามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสต็อกฉลาก ว่าจะทิ้งไปเฉยๆ เพราะได้สั่งพิมพ์ออกมาในปริมาณแค่ที่ต้องการใช้งานเพียงเท่านั้น
ในส่วนของเทคโนโลยีการพิมพ์นั้น เครื่องพิมพ์ฉลากสีของเอปสันได้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า PrecisionCore ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาจากระบบ MicroPiezo ที่ใช้ไฟฟ้าในการผลักดันหมึกออกมา โดยไฟฟ้าจะเป็นตัวกำหนดขนาดของหยดหมึกที่ออกมา ถ้าปล่อยกระแสไฟเยอะ หมึกที่ออกมาก็จะมีขนาดใหญ่ ถ้าน้อย หมึกที่ออกมาก็จะมีขนาดเล็ก แตกต่างจากหัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์อื่นๆ ที่ใช้ความร้อนในการปล่อยหมึก นั่นคือร้อนมาก หยดหมึกก็จะมีขนาดใหญ่ ถ้าความร้อนน้อยก็จะมีหยดเล็ก ซึ่งในบางครั้งอาจเกิดปัญหาการปล่อยหมึกในจังหวะถัดไปทำให้เกิดความร้อนตกค้างที่หัวพิมพ์ ทำให้ไม่ได้ตามขนาดที่ต้องการได้ แต่ด้วยเทคโนโลยี PrecisionCore มีการควบคุมความแม่นยำของหยดหมึกดียิ่งขึ้น ทั้งการหยดและขนาดของหมึกพิมพ์ รวมถึงความคงทนของหัวพิมพ์ที่มากขึ้น และส่งผลให้งานพิมพ์มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นด้วย
สุดท้ายหากลองมาวัดดูเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วนั้น การพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ฉลากสีของเอปสัน หากคิดต้นทุนการพิมพ์แบบแผ่นต่อแผ่น อาจจะมีราคาสูงกว่า แต่ถ้าคิดถึงต้นทุนรวมแล้วนั้น เรียกว่าคุ้มเกินคุ้มเลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่ประหยัดแค่ค่าต้นทุนในการจัดพิมพ์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการพื้นที่ในการจัดเก็บสต็อก ต้นทุนการเสื่อมสภาพของกระดาษที่จัดเก็บไว้เป็นเวลานานๆ รวมถึงต้นทุนจากทิ้งสต็อกฉลากที่ไม่ได้ใช้เมื่อมีการเปลี่ยนรูปแบบไปด้วย
นับเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยธุรกิจในการสร้างฉลากสินค้าที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และประหยัด คุ้มค่าต่อการลงทุนและใช้งานจริงๆ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี