รู้จัก 4 สตาร์ทอัพหัวใจสีเขียว เปลี่ยนของเหลือทิ้งเป็นสินค้ารักษ์โลก
แนวคิดการเปลี่ยนของเหลือทิ้งให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือที่เรียกว่า upcycled นั้น กำลังเป็นที่จับตามอง ซึ่งมีสตาร์ทอัพหลายรายดำเนินธุรกิจด้านนี้จนประสบความสำเร็จ สามารถสร้างรายได้เป็นล่ำเป็นสันมาแล้ว วันนี้เราเลยจะพาไปรู้จักสตาร์ทอัพที่เปลี่ยนของเหลือทิ้งให้เป็นสินค้ารักษ์โลกกัน
ChopValue Singapore เปลี่ยนตะเกียบเหลือทิ้งเป็นเฟอร์นิเจอร์
เอเวอลีน ฮิว เป็นสตาร์ทอัพสิงคโปร์ ก่อตั้ง ChopValue Singapore ขึ้นมาเพื่อแปรขยะจากตะเกียบไม้ใช้ครั้งเดียวทิ้งนับล้านๆ คู่ให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้านดีไซน์เก๋ โดยภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ChopValue Singapore ก็สามารถกำจัดขยะจากตะเกียบได้มากถึง 77 ล้านตัน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการเผาทำลายลงได้ 105 ตัน
โดยตะเกียบที่รวบรวมมาได้จะถูกส่งเข้าโรงงานเคลือบเรซินปลอดพิษและอบฆ่าเชื้อด้วยความร้อน 200 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นก็นำตะเกียบมาบีบอัดด้วยแรงดันสูงเป็นก้อนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทาน ก่อนนำไปผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้อื่นๆ ที่เรียบหรูและสวยงาม เช่น อุปกรณ์ตกแต่งผนังห้อง โต๊ะทำงาน โต๊ะหน้าโซฟา ชั้นวางของ ถาดใส่อาหาร ที่รองแก้วน้ำ ที่วางโทรศัพท์และแท็บเล็ต
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/startup-techstartup/8863.html
Fabula Inc ซีเมนต์ อิฐรักษ์โลกจากอาหารเหลือทิ้ง
Fabula Inc ก่อตั้งโดย โคตะ มาชิดะและ ยูยะ สตาร์ทอัพญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจเปลี่ยนอาหารที่กำลังจะถูกทิ้งเป็นขยะให้กลายเป็นซีเมนต์ที่เมื่อนำไปประกอบเป็นรูปร่างต่างๆ จะมีความแข็งแรงทนทานและยืดหยุ่นได้มากกว่าซีเมนต์ปกติถึง 4 เท่า นวัตกรรมนี้จะช่วยขจัดขยะจากอาหาร บรรเทาภาวะโลกร้อน และลดปริมาณขยะในหลุมฝังกลบขยะ
โดยทั่วไปกระบวนการผลิตซีเมนต์ซึ่งใช้วัตถุดิบหลักเป็นหินปูนจะก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกราว 8 เปอร์เซนต์ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่ปล่อยสู่บรรยากาศโลก หรือมากกว่า 3.5 เท่าเมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการบิน ที่ผ่านมา มีความพยายามที่จะผลิตซีเมนต์แบบชีวภาพโดยผสมกับขี้เถ้าไม้ กากกาแฟ หรือวัสดุอื่นๆ เข้ากับซีเมนต์ดั้งเดิม แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ของฟาบูล่าโดย 2 นักวิชาการหนุ่มนั้นเรียกได้ว่าเป็นซีเมนต์ชีวภาพ 100 เปอร์เซ็นต์แถมยังรับประทานได้อีกด้วย
แม้การพัฒนาผลิตภัณฑ์จะใช้เวลานานหลายปีแต่ขั้นตอนการผลิตนั้นเรียบง่ายมาก นั่นคือการนำเศษอาหารเหลือมาทำให้แห้งสนิท จากนั้นก็บดเป็นผงแล้วบีบอัดลงในพิมพ์ด้วยความร้อน แต่สิ่งที่ยากคืออาหารแต่ละชนิดใช้อุณหภูมิและแรงบีบอัดเพื่อทำให้แข็งไม่เท่ากัน
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/startup-techstartup/8851.html
RE:harvest เปลี่ยนกากเบียร์เหลือทิ้งเป็นแป้งทำอาหาร
ปี 2019 อเล็กซ์ตั้ มิน สตาร์ทอัพเกาหลี ตั้งบริษัท RE:harvest เพื่อแปรรูปกากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ เบียร์ และ “ชีคเย” (เหล้าเกาหลีทำจากน้ำข้าวหมักกับแป้งมอลต์ ข้าวบาร์ลีย์) ให้เป็นแป้งที่ใช้ผลิตอาหารทั้งคาวและหวาน
ปกติกากเครื่องดื่มที่มาจากข้าวสาลีและบาร์เลย์นั้นมีคุณค่าทางอาหารสูง บางส่วนมีการนำไปผลิตเป็นอาหารสัตว์ แต่โดยมากโรงงานผลิตมักทิ้ง อเล็กซ์จึงติดต่อบรรดาโรงงานผลิตเครื่องดื่มเพื่อขอเข้าไปเก็บกากเบียร์ปริมาณหลายตันต่อวัน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือดี หลังจากที่รวบรวมได้ก็จะขนส่งด้วยรถควบคุมอุณหภูมิเพื่อนำไปส่งยังโรงงานของ RE:harvest เพื่อทำความสะอาด เข้ากระบวนการทำให้แห้งสนิท และบดละเอียดเป็นแป้ง ก่อนแพ็คและจำหน่ายในชื่อ “RE:nergy flour”
แป้ง “RE:nergy flour” ถูกส่งไปจำหน่ายให้กับผู้ผลิตอาหารเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบทางเลือกแทนแป้งสาลีเอนกประสงค์ในการผลิตขนมอบ เบเกอรี่ พิซซ่า พาสต้า แป้งทอดกรอบ และอื่นๆ จุดขายของแป้งที่ทำจากกากเบียร์คือเมื่อเทียบกับแป้งสาลีทั่วไปจะให้พลังงานต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ให้คาร์โบไฮเดรทน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงให้โปรตีนและไฟเบอร์สูงกว่า 21 เท่า
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/startup-techstartup/8571.html
Rens Original เปลี่ยนกากกาแฟเป็นสนีกเกอร์
Rens Original โดย ตรัน เบ๋า คัง และ ชู ฮวาง เซิน สตาร์ทอัพเวียดนาม ผู้ผลิตรองเท้าสนีกเกอร์ที่ทำจากกากกาแฟเป็นรายแรกของโลก จนขึ้นแท่นสินค้าแฟชั่นเพื่อความยั่งยืน ได้รับความนิยมในยุโรปและทำยอดขายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
เมื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการรังสรรค์นวัตกรรมสนีกเกอร์ เจสซี่และเซินก็ก่อตั้งสตาร์ทอัพ Rens Original ใน ปี 2018 ที่เฮลซิงกิ พร้อมกันนั้นก็ทดลองผลิตรองเท้าโดยใช้เส้นใยจากกากกาแฟและวัสดุอื่น ปี 2019 ก็ได้เป็นรองเท้าต้นแบบรุ่นแรกใช้ชื่อรุ่นว่า NOMAD ปัจจุบัน Rens Original มีรองเท้าให้เลือก 3 กลุ่ม ได้แก่ รองเท้ากีฬา รองเท้าใส่ลำลอง และรองเท้ารุ่นพรีเมี่ยม
ในการผลิตรองเท้า 1 คู่จะใช้กากกาแฟ 21 ถ้วย ขวดพลาสติกรีไซเคิล 6 ขวด และโพลีเอสเตอร์ที่ได้จากการรีไซเคิล เมื่อนำกากกาแฟมาแปรเป็นวัสดุในการผลิต จะทำให้รองเท้ามีคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ช่วยขจัดกลิ่น ต่อต้านแบคทีเรีย กันน้ำได้แม้จะโดนน้ำก็แห้งเร็ว ป้องกันรังสียูวีได้ น้ำหนักเบา ประมาณ 400-650 กรัมขึ้นอยู่กับขนาดรองเท้า
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/startup-techstartup/8292.html
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup