Tech Startup

ถามอะไรตอบได้! Mercular ผู้ดิสรัปตลาดด้วยคอนเทนต์รีวิว ปั้นแก็ดเจ็ตอีคอมเมิร์ซ โตไวแบบก้าวกระโดด

    “คุยกันกับ Co-founder ว่าใน 3 ปี ถ้ายอดขายได้ไม่ถึง 100 ล้านบาท เราจะเลิกทำ เพราะว่ามันไม่คุ้ม แต่ก็เกินมานานแล้ว อีก 2 ปีเราคาดว่าจะได้ถึงพันล้านบาท” 


     วรกันต์ วัฒนศักดิ์ชัย CEO & Co-founder Mercular แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซสำหรับคนชื่นชอบงานอดิเรกเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยกล่าวถึงสถานการณ์ตอนเริ่มต้น ก่อนที่จะฉายภาพตลาดสินค้างานอดิเรกว่า จริงๆ แล้วเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เพราะรวมสินค้าหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ออดิโอ อุปกรณ์เกมมิ่ง กล้อง โมเดล ออกกำลังกาย ทำอาหาร และที่สำคัญคือยังไม่มีใครทำตลาดนี้ โดยคาดการณ์ว่าตลาดสินค้าเหล่านี้ในไทยมีมูลค่านับแสนล้านบาททีเดียว 


     “เราเห็น Pain Point ซื้อสินค้าบางทีก็ไม่เจอบริการที่ดี แล้วเห็นเซกเมนต์นี้ที่ใหญ่มากๆ และมีแนวโน้มเติบโตเร็วมาก แถมยังไม่มีใครทำตลาดนี้ แม้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังไม่มีใครทำ เป็นตลาดใหม่ที่ยังไม่มีใครพูดถึงด้วยซ้ำไป แต่ถ้าเราทำคนจะนึกถึง Mercular เป็นที่แรก ซึ่งจะทำให้มันเกิดได้ยังไง นี่คือความท้าทายมากๆ”





     วรกันต์และพาร์ตเนอร์ใช้เงินส่วนตัวลงทุนร่วมกัน 2 ล้านบาทในตอนเริ่มต้น เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังในการทำธุรกิจนี้อย่างมาก จะขาดทุนไม่ได้ แต่ต้องทำให้โตได้ด้วย ดังนั้น ท่ามกลางแพลตฟอร์มช่องทางการจำหน่ายที่แม้จะกระจัดกระจายแต่ก็มีอยู่มากมาย จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือก Mercular


     “ที่อื่นมักจะมองยอดขายเป็นหลักแต่ไม่มองลูกค้า สิ่งที่เราทำคือคอนเทนต์รีวิว เพราะลูกค้าทุกคนจะซื้ออะไรสักอย่างต้องอ่านรีวิว สมมติกล้องราคา 1 หมื่นบาท เขาย่อมรักมันอยู่แล้วต้องศึกษาก่อนถึงจะตัดสินใจซื้อ เราเลยทำคอนเทนต์ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า เขียนคอนเทนต์กันเองทุกวัน คิดแค่ว่าถ้าทำคอนเทนต์ดีก็น่าจะมีผลลัพธ์ที่ดีตามมา เพราะสิ่งที่อี-คอมเมิร์ซอื่นทำคือ หยิบเอาสเปกมาเขียน ซึ่งลูกค้าจะไม่เข้าใจ แต่เรารีวิวสินค้าทุกตัว จำได้ว่าตอนแรกๆ ไม่มีเงินซื้อของเพราะมันต้องรีวิวทุกตัว แล้วไม่มีใครส่งของมาให้เรารีวิวด้วย เพราะยังไม่มีใครรู้จักเรา ก็ไปที่ร้านเองเพื่อไปลองแล้วกลับมาเขียนรีวิว เดือนตุลาคมเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราเปิดตัว Mercular มีลูกค้า 10 ออร์เดอร์ เป็นคนรู้จักไปแล้ว 5 ออร์เดอร์ แต่พอประมาณเดือนธันวาคม เราเห็นว่าคนอ่านคอนเทนต์ของเรานับแสนแต่มีคนซื้อแค่ 3 คน น้องที่ออฟฟิศบอกว่าเฮ้ยคนมาอ่านคอนเทนต์เราแต่ไปซื้อที่อื่นหมด ผมก็บอกว่าใจเย็นๆ จังหวะเดือนธันวาคมมีโครงการช็อปช่วยชาติ อยู่ดีๆ ยอดขายเป็นล้านเลยกลายเป็นว่าสิ่งที่เราเชื่อตั้งแต่แรกว่าถ้าเราทำอะไรให้ลูกค้าดีแล้วมันจะดีตามคือสิ่งที่ถูก แล้วจากนั้นยอดขายก็เริ่มไต่ขึ้นมาจนวันนี้”





     สิ่งที่วรกันต์ทำคือ ใช้คอนเทนต์ Disrupt ตลาดทั้งหมด เพราะไม่มีอี-คอมเมิร์ซไหนที่ทำคอนเทนต์ลักษณะนี้ ขณะที่ Mercular ทำคือรีวิวสินค้าทั้งหมด ลูกค้าถามอะไรมาสามารถตอบได้หมดทุกอย่าง สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างสินค้าสองชนิดได้ จึงทำให้ลูกค้าเห็น Value ตรงนี้ โดยอาจบอกได้ว่า Mercular เริ่มจากตลาดกลุ่มนิช ก่อนแล้วค่อยๆ โตขึ้นไปเรื่อยๆ โดยปีนี้คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่หลายล้านบาท และจากนี้อีก 2 ปีน่าจะแตะพันล้านบาทได้   


     วรกันต์ถอดประสบการณ์การทำ Mercular ให้ฟังว่า วิชั่นของ Mercular คือ to create the most value for every hobby เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาทำคือ สร้าง Value ให้มากที่สุด ถามว่า Value คืออะไร เวลาที่ลูกค้าซื้อของจะมอง Value 3 ส่วน คือ 1.ก่อนซื้อ เช่น มีข้อมูลให้หรือเปล่า มีแนะนำสินค้าไหม 2.ระหว่างซื้อ มีสินค้าครบ ราคาถูก ส่งเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ใครๆ ก็สามารถทำได้ และ 3.หลังซื้อ ถ้าสินค้ามีปัญหาเคลมง่ายหรือเปล่า ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ที่ Mercular มอบให้ได้


     “ถือว่าเราทำมาได้ดี คือโตเร็ว ที่สำคัญคือเราไม่ได้มอง Mercular เป็นอี-คอมเมิร์ซ แต่มองว่าเราเป็น Ecosystem ต่อไปเราจะมีแพลตฟอร์มสินค้ามือสอง เพราะคนเล่นฮอบบี้ยังไงก็ขายเป็นมือสองแล้วไปซื้อใหม่ แล้วในอนาคตเราจะมีหน้าร้าน คุณจะซื้อที่ไหนก็ได้ ลองสินค้าที่ร้านก็ได้ คุณซื้อเสร็จไม่ชอบ ขายทิ้งก็ได้ นี่คือวิชั่นเของเรา”





     ทั้งหมดนี้ ทำให้นักลงทุนเห็นการเติบโตของ Mercular ดังนั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Mercular สามารถระดมทุน Series A ได้กว่า 3 ล้านดอลลาร์ฯ จากนักลงทุนข้ามชาติและไทย ซึ่งนับว่าเป็น Startups สายอี-คอมเมิร์ซรายแรกของคนไทยที่ได้รับเงินลงทุนจากต่างชาติ สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ ทาง Mercular มีเป้าหมายเพื่อนำเงินไปลงทุนในการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเตรียมขยายหมวดหมู่สินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มคนที่ชื่นชอบในงานอดิเรกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เกมมิ่ง กล้องถ่ายรูป โมเดลสะสม และแก็ดเจ็ต เป็นต้น


     “นักลงทุนสนใจ เพราะว่าตลาดนี้จะไปถึงระดับหมื่นล้านได้แน่ๆ ด้วยการเติบโตที่เร็วบวกกับใช้เงินตัวเองลงทุนในตอนแรก ซึ่งนักลงทุนมองว่าถ้ามีเงินมากกว่านี้มันจะต้องไปได้ไกลกว่านี้มากๆ แน่นอนในอนาคตเราอยากขยายไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าขึ้น Series B ได้ นั่นคือจุดที่จะเริ่มเป็นคอร์ปอเรทที่ยั่งยืนได้จริง โดยคาดว่าจะระดม Series B ในอีก 2 ปี ซึ่งตอนนั้นยอดขายจะขึ้นไปถึงหลักพันล้านบาท” วรกันต์กล่าวในตอนท้าย    




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup