รักในสิ่งที่ทำ เชฟวัย 76 ปี จบดอกเตอร์แต่ผันตัวเป็นพ่อครัวร้านไทยในสิงคโปร์ที่ขายแค่ 3 เมนู
Text : Vim Viva
สิงคโปร์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่กำหนดนโยบายที่เอื้อต่อการจ้างงานแรงงานสูงวัยและแรงงานหลังวัยเกษียณ อายุจึงไม่เป็นอุปสรรคหากศักยภาพมี นายจ้างก็พร้อมรับเข้าทำงาน ดังจะเห็นได้จากกรณีของ วิค ลี ชายชราวัย 76 ปีผู้มีดีกรีปริญญาเอกด้านบริหารธุรกิจและเคยผ่านงานอย่างโชกโชนควรอยู่ในวัยเกษียณและพักผ่อนกับครอบครัว แต่เขากลับเลือกที่จะทำงาน
ตำแหน่งล่าสุดที่ทำและเป็นงานที่เขารักคือพ่อครัวประจำร้าน Peace Thai Cuisine ในศูนย์อาหารแห่งหนึ่ง ร้านที่ว่าเพิ่งเปิดบริการไม่นานและขายอาหารไทยเพียง 3 เมนูได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวกะเพราไก่ และข้าวกะเพราเนื้อ แม้จะมีเมนูให้เลือกน้อยแต่กลับเป็นร้านที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีทั้งในเรื่องรสชาติและราคาที่โดยใจผู้บริโภค
ไปดูกันว่าก่อนจะมาควงตะหลิวผัดกะเพราะขาย วิค ลี หรือที่รู้จักในชื่อดร.วิคเคยผ่านงานอะไรมาบ้าง และทำไมจึงมาลงเอยที่การเป็นพ่อครัว ดร.วิคให้สัมภาษณ์ว่าสมัยยังหนุ่ม เขาเคยทำงานเป็นเซลขายอะไหล่รถยนต์ให้กับบริษัทใหญ่นานกว่า 20 ปี ก่อนย้ายไปสิงคโปร์แอร์ไลน์ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านคุณภาพบริการ
ในปี 2000 วิค ลี ซึ่งมีอายุ 54 ปีตัดสินใจลาออกจากงาน บอกลาภรรยาและลูก 3 คนแล้วนำเงินเก็บที่มีอยู่เดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลียในเมืองเพิร์ธ ช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ศึกษาต่อ วิค ลีได้มีโอกาสฝึกทำอาหารด้วยตัวเองทำให้เกิดความชอบ เมื่อสำเร็จการศึกษาคว้าดีกรีดอกเตอร์มาครอง ดร.วิค เดินทางกลับสิงคโปร์พร้อมคำสอนของอาจารย์ที่ออสเตรเลียที่บอกว่า “หากคิดทำสิ่งใด จงทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด”
ดร.วิคกลับมาเปิดบริษัทปที่ปรึกษาด้านการตลาด แต่ด้วยความชื่นชอบในการทำอาหาร เขาจึงเข้าคอร์สเรียนการเป็นเชฟมืออาชีพที่ชาเทค (Shatec) สถาบันอาชีวะชื่อดังของสิงคโปร์จนได้รับประกาศนียบัตรด้านอาหารตะวันตก หว่างทำงานบริษัทของตัวเอง ก็หาโอกาสสำแดงฝีมือในการเป็นเชฟทำอาหารเลี้ยงในงานต่างๆ เช่นงานวันเกิด
ด้วยยึดปรัชญาการเรียนรู้ตลอดชีวิต เมื่อสนใจสิ่งใด ดร.วิคจะพาตัวเองไปคลุกคลีกับสิ่งนั้น ในฐานะเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาด เขาต้องการสร้างวัฒนธรรมองค์กร และอยากรู้เพิ่มเติมว่าการทำงานระดับล่างเป็นอย่างไร ปี 2016 เขาจึงสมัครงานในตำแหน่งคนคัดแยกขยะ ทำอยู่ 3 เดือน นอกจากคัดแยกขยะนับตันๆ ยังได้คลุกคลีกับเพื่อนร่วมงานระดับล่างอีกด้วย
ความที่ยังสนใจเรื่องอาหาร ปี 2019 ดร.วิคไปสมัครงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Peace Japanese Cuisine เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในการทำอาหารญี่ปุ่น ไซม่อน อึ้งผู้เป็นเจ้าของร้านจึงให้เริ่มที่การเป็นพนักงานเสิร์ฟ ก่อนขยับไปเป็นผู้ช่วยเชฟ กระทั่งศูนย์อาหารฮองลิมเซ็นเตอร์แถวไชน่าทาวน์มีที่ว่าง ไซม่อนซึ่งเคยทำงานด้านไอทีที่ไทยและคุ้นเคยกับอาหารไทยจึงตัดสินใจขยายธุรกิจ เปิดร้าน Peace Thai Cuisine แล้วให้ดร.วิคเป็นพ่อครัวประจำร้านโดยทำตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 10.00 -15,00 น.
เมนูที่จำหน่ายมีเพียง 3 เมนูเท่านั้นได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวเรือ (8 ดอลลาร์) ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว (5 ดอลลาร์) และข้าวกะเพราเนื้อไข่ดาว (6 ดอลลาร์) ซึ่งถือเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทยที่ชาวต่างชาติก็รู้จัก ลูกค้าที่มาอุดหนุนต่างชื่นชมว่ารสชาติดีกว่าร้านไทยหลายร้านในสิงคโปร์แถมราคาย่อมเยา เมื่อบวกกับอัธยาศัยที่เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใจของดร.วิค จึงทำให้ร้านเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
แม้จะอยู่ในวัยบั้นปลายชีวิต แต่ดร.วิคก็ไม่ปรารถนาที่จะเกษียณตัวเอง เขายังเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง ดวงตาเป็นประกาย และน้ำเสียงแจ่มใส เขาเล่าว่านั่นเป็นเพราะเขาแอคทีฟอยู่ตลอดเวลา จึงอยากแนะนำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายอย่าหยุดนิ่ง อย่ามัวแต่นั่งตามสภากาแฟ ให้หาอะไรทำเพื่อสร้างความตื่นตัว
ดร.วิคผู้ยึดในปรัชญาการเรียนรู้ตลอดชีวิตกล่าวอีกว่าเป้าหมายต่อไปของเขาคือการเรียนรู้วิธีทำอาหารยอดนิยม 3 เมนูของทุกประเทศ ตอนนี้เขาทำอาหารไทยได้แล้ว เขาตั้งเป้าจะเรียนทำอาหารเวียดนาม อาหารไต้หวัน และอาหารเกาหลีเป็นลำดับถัดไป
ที่มา :
https://www.8days.sg/eatanddrink/hawkerfood/peace-thai-cuisine-hong-lim-668421
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup