Starting a Business

จากพนักงานสายโรงแรมสู่เจ้าของร้านข้าวกล่องสุดครีเอทที่ยืนหนึ่งในเชียงใหม่ ยอดขายแตะหลักแสน!

 

     บางทีความสุขก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แค่ได้กินของอร่อยหรือเห็นของกินหน้าตาน่ารักก็ทำให้ยิ้มได้เหมือนกัน! อย่างข้าวกล่อง Box Set ร้านนี้จากจังหวัดเชียงใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์จนทำให้ลูกค้าหลายคนติดใจกลับมาเป็นลูกค้าประจำ ดังและคิวแน่นแบบไม่ต้องเสียเงินโปรโมตกับ “TOP Happy To Eat” ธุรกิจข้าวกล่อง Box Set จัดเลี้ยงนอกสถานที่ ซึ่งมีดีตรงที่หน้าตาอาหารและความใส่ใจจนสร้างรายได้ 5-6 หลักต่อเดือนเลยทีเดียว!

 

 

     จุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้มาจาก ต๊อป -อมลวรรณ โอจรัสพร อดีตพนักงานสายโรงแรมที่ได้คลุกคลีกับการทำงานด้านจัดเลี้ยง อีเวนต์และทำอาหาร จนทำให้เธอรู้ตัวว่านี่คือสิ่งที่เธอรัก เมื่อเธอสั่งสมประสบการณ์และความหลงใหลด้านนี้จนเปี่ยมล้น ก็ทำให้เธอตัดสินใจออกมาทำธุรกิจของตัวเอง

     “เราเริ่มต้นทำงานโรงแรมเพราะว่าเพื่อนชวน ตอนนั้นก็ทำเป็นฝ่ายประสานงานจัดเลี้ยง แล้วก็ขยับตำแหน่ง เปลี่ยนโรงแรมมาหลายที่ จนมาถึงที่โรงแรมสุดท้าย เป็นโรงแรมกึ่งรีสอร์ทเล็กๆ พนักงานทุกคนทำงานกันหลายอย่างมาก ขนาดเราเป็นเซลล์ยังต้องไปช่วยห้องอาหาร ทำอาหารด้วย ตอนนั้นห้างเมญ่าเปิดใหม่ แล้วทางโรมแรมรับงานของโรงหนัง ให้ลูกค้าที่ดู First Class ได้กินอาหารก่อนเข้าดูหนัง เจ้านายก็ให้เราไปทำ เชฟจะเตรียมอาหารจากโรงแรมประมาณ 80% แล้วเรามีหน้าที่ประกอบร่าง ณ สถานที่ตรงนั้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสนุกกับการครีเอทหน้าตาอาหาร ทำอยู่ตรงนั้นประมาณ 1 ปี ก็คิดว่าออกมาทำอะไรเองดีกว่า รู้สึกว่าเราชอบสิ่งนี้ เป็นการลาออกครั้งสุดท้ายของเราที่ออกมาเริ่มธุรกิจของตัวเอง”

     แต่การลาออกครั้งสุดท้ายของต๊อป ไม่ได้เป็นการมาเริ่มนับ 0 เพราะเธอปูเส้นทางมาตั้งแต่ตอนทำงานประจำด้วยการสร้างความมั่นคงให้ชีวิตด้วยอาชีพเสริม โดยเธอทำธุรกิจแฮนด์เมดเล็กๆ ที่ชื่อ Stop's Hobby เป็นของขวัญในวันสำคัญต่างๆ การลาออกมาในครั้งนี้เป็นการต่อยอดสิ่งเดิมที่ทำอยู่ด้วยการสร้างธุรกิจข้าวกล่องที่เธอชอบให้กลายเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง

     “ต้องบอกว่าต๊อปทำ 2 งานควบคู่กันอยู่แล้วตั้งแต่ทำงานออฟฟิศ พ่อเราเคยสอนว่าควรมีงานหลักและงานสำรองคู่กันไป เพราะไม่มีอะไรแน่นอน ทำที่เราทำงานออฟฟิศ เราก็เปิดเพจ Stop's Hobby สำหรับการขายของขวัญ เช่น ช่อดอกไม้จากช็อกโกแลต พอออกจากงานก็เอาตัวนี้มาทำจริงจัง เราใช้ชื่อนี้มา 6 ปี เพิ่งมารีแบรนด์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพราะรู้สึกว่าที่ทำไม่ใช่แค่ Hobby หรืองานอดิเรกแล้ว เลยใช้คำว่า Happy to eat เพราะเวลาเราทำอาหารให้คนกิน ลูกค้าจะมีความสุขเวลาที่เห็นอาหารของเรา มีรอยยิ้มกับอาหารของเรา มันเป็นการกินที่มีความสุข เราเลยใช้ชื่อนี้”

 

 

     ธุรกิจข้าวกล่อง ที่ไหนก็กินได้ แต่ถ้าอยากได้ความอร่อย ใส่ใจทุกรายละเอียดแถมยังหน้าตาน่ารักน่าถ่ายรูป ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละคนแบบตรงจุด ต้อง TOP Happy To Eat เพราะที่นี่จะหยิบเอาโจทย์ของลูกค้าเป็นหลัก จากนั้นจะสร้างสรรค์ข้าวกล่องที่ตอบโจทย์ตรงใจที่สุดให้ลูกค้า แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ  น้อยๆ ก็จะไม่มองข้าม นี่คือจุดที่ทำให้แตกต่างจากธุรกิจข้าวกล่องทั่วไป

     “เมนูอาหาร ก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกันทุกร้าน แต่ลูกค้าจะมาสะดุดที่ร้านเราตรงหน้าตาและความสะอาด เวลาเราทำงานเสร็จ จะถ่ายรูปลง เหมือนก๊อปปี้ชิ้นงานแล้ววาง ทุกกล่องสวยเหมือนกันหมด แม้แต่องศาในการวางดอกไม้หรือแตงกวา เรทราคาเราอาจจะแพงกว่าข้าวกล่องทั่วไป ช่วงโควิดอาจจะมีคนลงมาแข่งราคาหรือแม่ค้ามือใหม่ ไม่คำนวนต้นทุน เห็นคนอื่นขาย 40 บาท ตัดราคาเหลือ 35 บาท เราจะไม่ลงไปเล่นด้วยเลย เราไม่อยากขายครั้งเดียวแล้วลูกค้าหาย เรายืนที่ราคาที่เราอยู่ไหว ได้กำไรและลูกค้าก็โอเค”

     โดยต๊อปเล่าเสริมถึงจุดที่ทำให้เห็นว่าร้านของเธอมีความใส่ใจนั่นคือการหยิบเอาความต้องการของลูกค้ามาทำให้เกิดขึ้นจริง แม้จะเป็นเบื้องหลังที่ลูกค้าไม่เห็นก็ตาม

     “เราเคยทำข้าวกล่องเป็นของทำบุญกิจการ ก็จะมีรายละเอียดที่ไม่ใช่อาหารปกติ เช่น ทอดมัน เราใช้ปลากราย แต่ลูกค้าอยากได้ปลานิล หรือไก่แดดเดียว เขาให้เอาไก่ไปตากแดด 2 วัน ต้อง 2 แดด แล้วเอามาทำ ทอดมันให้ทอดน้ำมันหมู หรือยำไข่ดาว ให้ใช้ไข่เป็ด ทอดทีละ 2 ฟอง เขาจะบอกขั้นตอนการทำที่ละเอียดมาก ซึ่งตรงนี้ที่เขาบอกเรามา เขาอาจจะไม่รู้หรอกว่าเราทำตามที่เขาบอกหรือเปล่า แต่เราใช้วิธีการถ่ายรูปทุกขั้นตอนที่เราทำให้เขาเลย เขาสั่งอะไรมา เราเป๊ะตามนั้น”

 

 

     จากวันนั้นที่ตัดสินใจลาออกจากงาน จนถึงวันนี้ที่ธุรกิจเดินทางมากว่า 6 ปี มีบทเรียนมากมายทั้งดีและไม่ดีที่ต๊อปได้เรียนรู้และนำมาปรับให้ธุรกิจของเธอดียิ่งๆ ขึ้นไป ที่สำคัญยังสามารถสร้างรายได้ 50,000 - 100,000 ต่อเดือนเลยทีเดียว

     “บทเรียนมีทั้งดีและไม่ดี เราบอกเลยว่าความสำเร็จเบื้องหน้ามันอาจจะดูง่ายแต่เบื้องหลังคือเราทำอะไรมากมายกว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ อย่างเราเอาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มแซนด์วิชไทยแลนด์ด้วยเพื่อให้ความรู้คนอื่น เราจะเขียนบทความให้ความรู้เป็นบันไดให้เขาโตได้เหมือนกัน อยากให้เขารู้วิธีกว่าที่เราจะเดินมาถึงตรงนี้ เราเจออะไรแย่ๆ มา ไม่อยากให้คนอื่นเจอเหมือนเรา อีกอย่างคือวงการอาหาร มีคู่แข่งอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยมองใครเป็นคู่แข่ง เราคิดว่าทุกคนคือเพื่อนร่วมอาชีพ พอเกิดการแข่งขันแล้วมันไม่สนุก ทำไมเราต้องไปกดดันตัวเองกับคนอื่นด้วย เราจะแข่งกับแค่ตัวเรา ถ้าเราทำงานนี้สำเร็จแล้ว งานหน้าก็จะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”

     โดยต๊อปได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจข้าวกล่องให้ประสบความสำเร็จในแบบฉบับของ TOP Happy To Eat ให้ฟัง

     “เราคิดว่ามันคือความสุขและรอยยิ้ม ทั้งความสุขของเราและลูกค้า เราทำอะไรออกไป เราทำจากใจของเราเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่เราทำแบบพิถีพิถัน เขาก็แฮปปี้ เราก็มีรอยยิ้มกลับคืนมาเป็นเหมือนแรงกระตุ้นให้เราทำงานหรือสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดียิ่งขึ้น”

 

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup