ลาออกจากงานมาสร้างแบรนด์ยาหม่องสไลด์! ทำคลิปโปรโมตใน Tiktok จนอัพรายได้จากหลักพันสู่หลักแสน
เพราะความฝันของมนุษย์เงินเดือนหลายคนคือการกล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone แล้วสร้างธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าทำความฝันให้กลายเป็นจริงได้! หนึ่งในคนที่ลุกขึ้นสู้เพื่อความฝันนั่นคือ มะปราง - ศศธร กาญจนมงคล อดีตมนุษย์เงินเดือนวัย 27 ปี ที่ลาออกจากงานประจำที่ไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และมุ่งหน้าสู่เส้นทางผู้ประกอบการ สร้างแบรนด์ยาหม่องสไลด์สุดปังที่ทำไปทำมาก็สร้างรายได้ถึงหลักแสนต่อเดือน!
FeelFin คือแบรนด์ยาหม่องสไลด์ที่มีจุดเด่นคือแพ็คเกจจิ้งที่สวยงาม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่น เป็นสไลด์บาล์มที่หยิบใช้งานง่ายได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งยังมีการปรับสูตรให้เป็นยาหม่องสูตรเย็น เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย โดยมะปรางเล่าว่าเธอได้ไอเดียการทำธุรกิจนี้มาจากคุณแม่ของแฟนที่มีสูตรเด็ดของยาหม่องในมืออยู่แล้ว เธอจึงหยิบเอาสูตรของคุณแม่แฟนมาปรับให้ปังมากขึ้น จนกลายเป็น FeelFin ในปัจจุบัน
“ก่อนหน้านี้เราทำงานประจำ แต่เรารู้สึกไม่ชอบทำงานประจำเลย ทำวันจันทร์ถึงเสาร์ มันเหนื่อยและเงินไม่พอใช้ เดือนชนเดือน เราเลยคิดอยากหาธุรกิจทำกับแฟนว่าจะทำอะไรดี เลยมองรอบตัวว่าเราชอบอะไร ตัวเราเองชอบใช้ยาหม่อง ยาดม เพราะโดนยุงกัดบ่อยมาก แต่ว่ายาหม่องที่ใช้มันไม่ตอบโจทย์ ทั้งกลิ่นและแพ็คเกจจิ้ง ตอนนั้นแม่ของแฟน เขามีสูตรยาหม่อง เป็นกลิ่นอโรม่า เราเลยอยากเอาสูตรนั้นมาเปลี่ยนแพ็คเกจจิ้ง เพราะสูตรเขาไม่เหมือนที่อื่น เราเลยได้ไอเดียมาเปลี่ยนแพ็คเกจจิ้งที่ตอบโจทย์วัยรุ่น วัยทำงาน หยิบมาดมได้ไม่ต้องอาย กลายเป็นสไลด์บาล์ม และปรับเป็นสูตรเย็น เหมาะกับโควิด ไว้ทาใต้แมสก์ได้ ไม่แสบเหมือนยาหม่องทั่วไป”
มะปรางเล่าต่อว่าตอนที่เธอคิดจะทำแบรนด์ FeelFin เธอสำรวจในตลาดแล้วยังไม่มีใครทำ เธอคือเจ้าแรก ณ ตอนนั้นที่ทำยาหม่องแบบสไลด์ขึ้นมา เมื่อคิดว่าผลิตภัณฑ์นี้มีโอกาส เธอก็ไม่รอช้าและลงมือสร้างแบรนด์ทันที
“ตอนนั้นมะปรางลองดูก่อนว่าแพ็คเกจจิ้งของเราจะไปต่อได้ไหม เราดูคู่แข่งในตลาดว่าเขาเป็นยังไงและมันยังไม่มีแพ็คเกจจิ้งแบบนี้ เรารับประกันเลยว่าเราเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในตอนนั้น แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มมีคนเริ่มทำตามแล้ว แต่ในตอนแรกเรายังไม่รู้วิธีการทำตลาด เราเพิ่งมาปรับเปลี่ยนตอนสินค้าเริ่มออกขาย เรียนรู้ไปเรื่อยๆในการทำตลาด”
โดยในช่วงแรกของการขาย เธอเน้นทำตลาดใน Instagram ก่อนเพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ตรงกับแบรนด์ FeelFin แม้ว่าจะไม่ได้เน้นการยิงโฆษณาในช่วงแรกแต่ก็เน้นการทำสินค้าให้มีคุณภาพเพื่อสร้างการบอกปากต่อปากจนมีฐานลูกค้ามากขึ้น แต่ก็ยังไม่มากพอ จนกระทั่งเธอหันมาทำการตลาดใน TikTok และนี่คือจุดเปลี่ยนของแบรนด์ที่สามารถสร้างรายได้จากหลักพัน หลักหมื่นมาสู่หลักแสนได้ พร้อมทั้งมีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 100 คนในปัจจุบัน
“ตอนแรกมะปรางเน้นการขายใน Instagram เพราะเรารู้สึกว่าฐานลูกค้าใน Instagram มันเป็นกลุ่มวัยรุ่น มีสไตล์ คิดว่าน่าจะชอบสินค้าของเรา ตอนแรกก็ไม่ได้ยิงโฆษณา คนเลยไม่ค่อยเห็น แต่ว่าถ้าลูกค้าที่เห็นน่าจะตัดสินใจซื้อค่อนข้างง่าย เพราะมันแปลกใหม่และยังไม่มีในตลาด พอเราเริ่มมีกลุ่มลูกค้าสักกลุ่มที่เขาใช้แล้วชอบ จากนั้นก็จะมีการบอกต่อ หลายคนที่มาซื้อไม่ได้มาจากการยิงโฆษณาแต่มาจากการเห็นเพื่อนแล้วซื้อตาม ช่วงแรกเราก็มีทำเพิ่มในเฟซบุ๊กบ้าง ใน Shopee, Lazada บ้าง ก็ขายได้เรื่อยๆ แต่ว่ายังน้อยเพราะเราทำการตลาดไม่ค่อยเป็น จนเมื่อ 5-6 เดือนที่แล้ว หันมาทำ TikTok แล้วมันบูมมาก ทำให้รู้เลยว่าคนยังไม่เห็นของเราเยอะมาก พอคนเห็นจาก TikTok ก็เริ่มมีคนมาสมัครตัวแทนและมีลูกค้าใหม่ๆ จาก TikTok เยอะเช่นกัน จากยอดขายหลักพัน แล้วก็มาขายได้หลักหมื่น จนมาขายดีได้หลักแสนคือช่วงที่เราทำ TikTok”
เธอได้แชร์เคล็ดลับในการสร้างแบรนด์บน TikTok ให้ฟังว่าต้องทำการสร้างตัวตนหรือ Personal Branding เพื่อให้เป็นที่น่าจดจำพร้อมทั้งยังต้องมีการทำคลิปอย่างสม่ำเสมอด้วย
“ก่อนหน้านี้เรายังไม่รู้จักการตลาด TikTok แต่เราแค่รู้สึกว่าการสร้างตัวตนเป็นสิ่งที่ดีในการทำแบรนด์ ตัวมะปรางเองตอนแรกยังไม่กล้าแสดงออก ไม่รู้ว่าจะสร้างตัวตนที่ไหนดี เพื่อนใน Instagram หรือใน Facebook ก็เยอะมาก เราก็อาย แต่ใน TikTok ไม่ค่อยมีใครรู้จักเรา เราเลยทำใน TikTok ก็เริ่มจากการถ่ายคลิปแพ็คของ พิมพ์ออเดอร์ ทำไปเรื่อยๆ ลงทุนวัน สม่ำเสมอ จนมีคลิปหนึ่งเหมือน TikTok มันดันคลิปให้เลยบูมขึ้นมา คนก็รู้จักมากขึ้น เรายิ่งกล้าแสดงตัวตนมากขึ้น หลังจากนั้นเราก็ลงคลิปต่อเนื่อง ทั้งตัวเราและแบรนด์ เราจะเน้นแชร์พวก Value Content เทคนิคการขาย ไม่กั๊กเลย ถ้ารู้อะไรมาก็จะแชร์ผ่าน TikTok คนเลยอยากมาสมัครเป็นตัวแทน ตอนนี้เราก็รับตัวแทนเรื่อยๆ ในกลุ่มตัวแทนเราจะแชร์เทคนิคการขายและพิกัดการซื้อของต่างๆ ที่เราคัดมาหมดแล้วว่าถูกและดี”
มะปรางได้เล่าปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจสไตล์ของเธอนั่นคือความจริงใจต่อลูกค้าและตัวแทนที่เธอยกให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง
“ความจริงใจต่อลูกค้าคือเรื่องสำคัญมาก เราต้องจริงใจในการขาย ไม่โกหกหลอกลวงผู้บริโภค ถ้าเราไม่จริงใจยังไงก็อยู่ได้ไม่นานนี่คือหัวใจสำคัญของการขายในแบบ FeelFin”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup