ร้านกาแฟหน้าบ้านของคนฝันใหญ่ ใช้ทุนหลักพันทำธุรกิจเล็ก เก็บตังค์ไปเที่ยวรอบโลก
Text : rujrada.w
คุณคิดว่าถ้าจะเดินทางรอบโลกต้องมีเงินเท่าไร?
สำหรับ นอร์ธ-ชลันธร ภู่เจริญ ออกเดินทางด้วยเงินเพียง 100,000 บาท ใช้เวลา 7 เดือนเดินทางไป 20 ประเทศคือจากไทยไปจนถึงแอฟริกา เกือบจะรอบโลกอยู่แล้วเชียวถ้าไม่เจอโควิดซะก่อน ทำให้เขาต้องบินกลับบ้านแล้วตั้งต้นเก็บเงินใหม่อีกรอบด้วยการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ หน้าบ้านด้วยทุนไม่ถึง 1 หมื่นบาทกับเป้าหมายเก็บเงินให้ได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทเพื่อจะออกโบยบินอีกครั้ง
- โควิดเปลี่ยนชีวิตนักเดินทาง
“ความฝันที่อยากเดินทางรอบโลกมีมาตั้งแต่ ม.2 มันก็ชัดเจนมาตลอด พอเรียนจบมหาวิทยาลัยเราก็ตั้งเป้า เขียนไว้เลยว่าอีก 1 ปีข้างหน้าเราจะออกเดินทางจำได้แม่นเลยว่าวันที่ 10 สิงหาคม 2562 เราก็เริ่มเก็บเงินจาก 0 ด้วยการทำงานฟรีแลนซ์ ตอนนั้นตั้งเป้าไว้ที่ 250,000 บาทภายใน 1 ปี แต่มันหายากสำหรับเด็กจบใหม่เพราะเราต้องใช้จ่ายด้วย สุดท้ายเก็บเงินได้ 140,000 บาท แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เป้าหมายเราเปลี่ยน เพราะเรากำหนดไว้แล้วว่าวันนั้นเราต้องเดินทาง เราออกเดินทางด้วยเงิน 100,000 บาทเพราะอีก 40,000 บาทผมเอาไปซื้ออุปกรณ์และทำเอกสาร ระหว่างที่เดินทางผมทำงานแค่เป็นงานแลกที่พักและอาหารฟรี ไปเรียนรู้ ไปหาประสบการณ์ในท้องถิ่น เราสามารถที่จะไปคลุกคลีกับคนพื้นเมืองได้”
หลังจากที่ออกเดินทางได้ 5 เดือน โรคโควิด-19 ก็อุบัติขึ้นบนโลกและเริ่มระบาดหนักหลังจากนั้นทำให้นอร์ธที่อยู่แถบแอฟริกาต้องพับแผนเดินทางไปประเทศบราซิลแล้วบินกลับประเทศไทยแทน โควิดไม่ได้กระทบแค่เรื่องการท่องเที่ยว แต่กระทบไปถึงเรื่องงานเพราะไม่สามารถจัดงานอีเวนท์ได้ ฟรีแลนซ์อย่างนอร์ธก็แทบไม่มีงาน
“เรารู้สึกว่าโควิดมันจะยังอยู่กับเราอีกนาน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเราก็จะไปเที่ยวไม่ได้อีก ก็เลยเริ่มคิดว่าอยากจะหาอะไรมาทำเอง เป็นงานที่เราเอาเงินก้อนสุดท้ายประมาณ 8,000-9,000 บาทมาทำ แล้วเราก็ไปเห็นกลุ่มพวก slow bar ทำกาแฟโดยใช้ moka pot เปิดขายข้างถนนบ้าง หน้าบ้านบ้าง พอลองศึกษาดูเราก็รู้ว่าใช้เงินลงทุนน้อย ไม่ถึงหลักหมื่นก็เปิดได้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจร้านกาแฟหน้าบ้านย่านนทบุรีในชื่อ See You Coffee
นอร์ธใช้เงินที่เหลือซื้อหม้อ moka pot ราคา 890 บาท 2 ตัว เครื่องบดกาแฟแบบมือหมุน เตาแก๊สปิกนิก แก๊สกระป๋อง สั่งเมล็ดกาฟจากปางขอน จังหวัดเชียงราย มีโต๊ะและของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ใช้งบประมาณ 9,000 บาทก็ออกมาเป็นร้านกาแฟพร้อมขาย
- แหล่งรวมตัวของคนชอบเที่ยว
ที่ร้านกาแฟมีกิมมิคเกี่ยวกับการเดินทาง มีโปสการ์ดจากประเทศต่างๆ ติดเอาไว้ พอลูกค้าถามว่ารูปอะไรก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่าเรื่องราวให้พวกเขาฟัง
“เราสามารถเล่าได้ทุกรูปเพราะเราถ่ายมากับมือว่ารูปนี้ที่ไหน เรื่องราวอย่างไร ทำไมเราไปอยู่ตรงนี้ ถือว่าเป็นการได้สื่อสารกับลูกค้าไปด้วย ถ้าเป็นคนคอเดียวกัน ชอบเดินทางเหมือนกันบางคนเขาอยู่ทั้งวัน แล้วผมมีเพจ “หาตังค์เที่ยวรอบโลก” ก็จะมีแฟนเพจที่ตามเรามานานตั้งแต่เดินทางที่อยากมาเจอตัวจริง มาคุยกับเรา บางทีมาขอคำแนะนำ แชร์ประสบการณ์กัน มันเป็นสิ่งที่ผมคาดหวังไว้ตั้งแต่ตอนเปิดร้านแรกๆ”
น่าแปลกใจนิดหน่อยที่นอร์ธบอกว่าความคาดหวังในการเปิดร้านกาแฟของเขาไม่ได้การหากำไรแต่เป็นการได้พูดคุยกับคนคอเดียวกันต่างหาก
“การเปิดร้านที่หน้าบ้านผมก็พอจะรู้ชะตากรรมว่ามันยากที่จะขายในปริมาณมากๆ เพราะผมขายอยู่ในหมู่บ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านปิด รถข้างนอกสัญจรเข้าออกลำบากมาก แต่เราหวังว่าลูกค้าอาจจะเป็นคนในหมู่บ้าน ละแวกหมู่บ้าน หรือแฟนเพจที่เขาตามเราได้มานั่งพูดคุยเรื่องราวการเดินทาง”
ถึงจะบอกอย่างนั้น แต่เขาสามารถขายกาแฟได้เฉลี่ยวันละ 30 แก้ว คำนวณรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท เทียบแล้วรายได้ดีกว่าเงินเดือนขั้นต่ำที่เด็กจบใหม่ในปัจจุบันได้รับ แถมพอเปิดร้านเพียง 4 เดือนยังมีเงินเหลือเอาไปต่อทุนทำธุรกิจที่ 2 ที่ชื่อว่าร้านหนมเปาตรังได้อีก
- หนมเปาตรังเสริมอัตราเร่งเงินให้ไปถึงฝัน
“ไอเดียธุรกิจนี้เกิดจากช่วงโควิดรอบแรกผมก็ต้องอยู่ที่บ้านที่นนทบุรี แล้วคุณแม่อยู่จังหวัดตรังเขาไม่ได้เจอเรานานแล้วเพราะเราไปเดินทางมา 7 เดือนเขาเลยส่งของที่ตรังมาให้ หนึ่งในนั้นก็มีขนมจีบ ซาลาเปา เจ้าที่เรากินมาตั้งแต่เด็กแล้วเราชอบ ตอนนั้นมีความคิดอยู่นิดๆ ว่ามันก็น่าสนใจนะว่าถ้าเราจะมาเปิด แต่ก็เป็นไอเดียที่ทำได้ยากมากเพราะเป็นช่วงที่มีโควิดหนักๆ แล้วทุนเราก็ไม่ได้เยอะมาก ร้านหนมเปาตรังเกิดขึ้นมาได้จากการที่เราได้กำไรจากร้านกาแฟหน้าบ้าน”
ร้านหนมเปาตรัง รับขนมจีบ ซาลาเปามาจากร้านดั้งเดิมที่ส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่นในจังหวัดตรัง หากินได้ยากในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขนมจีบเป็นสูตรทางใต้ที่มีน้ำจิ้มสีส้มที่คนกรุงอาจไม่คุ้นลิ้น แต่นอร์ธยังคงคอนเซ็ปต์ที่ว่าของทุกอย่างต้องมาจากตรัง เป็นเสน่ห์ของร้าน
“เรามาดูกำไรในแต่ละเดือนที่ได้จากร้านกาแฟแล้วไปเปรียบเทียบกับความฝันของเราที่อยากจะเดินทางและอยากจะทำอะไรอีกเยอะแยะก็รู้สึกว่าด้วยเงินแค่นี้ที่เราได้ต่อเดือนยังไม่เพียงพอที่จะทำสิ่งที่อยากทำ ก็เลยรู้สึกว่าการที่เราเปิดธุรกิจเพิ่มก็จะสามารถทำเงินได้เพิ่มขึ้น”
นอร์ธคาดเอาไว้ว่าไปเที่ยวรอบโลกต่อในครั้งถัดไปน่าจะต้องใช้งบประมาณมากกว่าเดิม เพราะว่าเป็นการเดินทางที่ต้องใช้เครื่องบินเป็นหลัก แตกต่างจากการเดินทางครั้งที่แล้วจากไทยไปยุโรปที่มีพรมแดนติดกันจึงเดินทางทางบกได้และประหยัดเงินได้มากกว่า ช่วงนี้จึงเป็นช่วงสะสมเงินให้ได้มากที่สุดก่อนที่ประเทศต่างๆ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบอีกครั้ง
“ตอนนี้กำลังวางระบบว่าจะจัดการร้านอย่างไรถ้าเราไม่อยู่ เพราะอย่างไรเราก็ไม่ทิ้งแผนที่เราจะไปเที่ยวรอบโลกต่ออยู่แล้ว มันเป็นฝันที่ชัดเจนมากกว่า อาจจะมีการติดต่อเรื่องงานบ้างระหว่างการเดินทาง คงจะดีถ้าเราสามารถออกเดินทางได้ แล้วธุรกิจตรงนี้ยังเดินต่อไปได้”
ดูเหมือนเขากำลังพิสูจน์ว่าคนเราสามารถทำตามฝันโดยที่ไม่ต้องมีทุนก้อนใหญ่ก็ได้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup