Starting a Business
งบการตลาด เท่าไรดี?
“คำถามที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มักสงสัยก็คือ ควรแบ่งงบการตลาดไว้มากน้อยแค่ไหนดีถึงจะเข้าตำราประหยัดสุด ประโยชน์สูง ปกติแล้วดิฉันมักแนะนำว่าให้แบ่งทั้งงบประมาณ และเวลาให้กับการทำตลาด 20 เปอร์เซ็นต์ แต่บางคนให้คำแนะนำว่าหากกิจการเติบโตอย่างมั่นคงแล้ว
การลดความสำคัญกับการทำตลาดเป็นเรื่องที่ควรทำ ซึ่งดิฉันเองไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการสรรหาตลาดใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ไปพร้อมๆ กับการคงไว้ซึ่งฐานลูกค้าเดิมอยู่เสมอ ซึ่งหลักการทำตลาดนั้นต้องมีส่วนผสมหลายอย่าง ไม่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง”
Laura Lake คอลัมนิสต์ และที่ปรึกษาด้านการตลาด ให้ความเห็นเกี่ยวกับการลงทุนกับกิจการในส่วนนี้ไว้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ขณะที่ Peter Geisheker ผู้บริหาร The Geisheker Group แนะนำว่า ควรลงทุนกับการทำตลาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะในช่วงปีแรก และจะได้ผลยิ่งขึ้นไปอีกหากรู้ว่ากลุ่มลูกค้าของธุรกิจคือ กลุ่มใด ซึ่ง David Scott เจ้าของผลงาน “The New Rules of Marketing and PR” เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว
“องค์กรใหญ่มักพูดถึงแต่สินค้า หรือบริการของตนเอง แต่สำหรับ SME แล้วการเริ่มต้นที่ลูกค้ามักได้ผลเสมอ สำหรับผมแล้วการลงทุนกับการอัพเดตเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ของบริษัทน่าสนใจกว่าการโฆษณาเป็นไหนๆ”
อย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้วางงบการตลาดไว้ที่ 2-8 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายสุทธิ แต่หากยึดทฤษฎีในการกำหนดงบประมาณเป็นฐานก็จะมีแนวทางการกำหนดหลักๆ
กำหนดตามความสามารถขององค์กร ผู้บริหารจะพิจารณาจากเงินทุนที่มีอยู่ว่าพอจะจัดสรรมาเพื่อการสื่อสารการตลาดได้มากน้อยแค่ไหน วิธีการดังกล่าวมักใช้กับบริษัทขนาดเล็กหรือใช้ในระยะเริ่มต้นทำการสื่อสารการตลาดเพื่อเป็นการทดลอง
กำหนดตามคู่แข่ง วิธีนี้ทางบริษัทจะหาข้อมูลงบประมาณการสื่อสารการตลาดของบริษัทในธุรกิจเดียวกันว่าใช้ปีละเท่าไร แล้วนำมากำหนดงบประมาณของบริษัทตน โดยอาจกำหนดให้สูงกว่า ต่ำกว่าหรือเท่ากับคู่แข่งขัน โดยพิจารณาจากส่วนครองตลาดของตนว่าสูงขึ้นหรือต่ำกว่าคู่แข่งแค่ไหน
กำหนดตามงานที่ต้องทำ เริ่มจากการกำหนดเป้าหมายของการสื่อสารการตลาดก่อน จากนั้นค่อยกำหนดว่าต้องทำอะไรบ้างจึงจะทำให้เป้าหมายบรรลุผล เพื่อแตกกิจกรรมที่ต้องทำ และนำกิจกรรมเหล่านั้นมาคำนวณกลับเป็นงบประมาณการสื่อสารการตลาดที่ต้องใช้
สำหรับเครื่องมือสื่อสารการตลาดนั้นแยกได้เป็น 4 กลุ่มหลักๆ คือ การโฆษณา การส่งเสริมการขาย การจัด Event Marketing และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งสมัยก่อนอาจต้องใช้ต้นทุนสูง แต่ปัจจุบันสื่อออนไลน์สามารถช่วยให้งบการตลาดของ SME มีมูลค่าสูงกว่าเดิมหลายเท่าตัว
แปล และเรียบเรียงจาก www.marketing.about.com และ www.marketeer.co.th