เปิดสูตร Mag Charging ร้านกาแฟหม้อต้ม ชงยังไง ขายได้ 200 แก้วต่อวัน
“จากขายได้ 12 แก้วในวันแรกจนขายได้แตะ 100 แก้วในเวลา 2 เดือน แต่ก่อนขายวันละ 5 ชั่วโมง จนลดเหลือ 4 ชั่วโมง ทุกวันนี้ขายได้ 100 แก้วภายใน 3 ชั่วโมง เคยขายได้เยอะสุด 200 แก้วต่อวัน” เสียงบอกเล่าของ สถาพร คำสุข หรือ แม็ก เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ Moka Pot ชื่อ Charging Coffee ในจังหวัดนครราชสีมา โดยเขาเริ่มต้นเส้นทางนี้จากการเป็นบาริสต้าในคาเฟ่ จนกระทั่งคาเฟ่ที่ทำอยู่ไปต่อไม่ได้ ทำให้เขาต้องออกมาสร้างเส้นทางเดินใหม่ของตัวเอง
“ตอนแรกผมทำงานที่คาเฟ่แล้วเจอปัญหาที่ร้านไปต่อไม่ได้ เลยต้องออกจากงาน ทำอาชีพเสริมคือขับแกรป เห็นโอกาสของกาแฟ ทำไมแต่ละแก้ว คาเฟอีนไม่เท่ากัน บางแก้วกินแล้วดีดแค่ชั่วโมงเดียว บางแก้วอยู่ได้ทั้งวัน เราเอาความรู้มาประยุกต์ ค้นหา จากขับแกรป มีเวลาว่างก็มาทำฝึกกาแฟ ชอบทำกาแฟอยู่แล้ว แต่ไม่มีเงินที่จะทำเป็นคาเฟ่ได้ เราเลยคิดไอเดียว่าอยากทำกาแฟที่ใช้งบน้อยที่สุด เลยมองโมเดลของรถพ่วงข้างหรือซุ้มกาแฟ ดูว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้าง มาสะดุดที่ Moka Pot ปกติก็มีในตลาดอยู่แล้ว แต่จะทำยังไงให้รสชาติดีกว่าทั่วไป”
หลังจากที่เริ่มคิดก็เริ่มทำในทันทีด้วยการไปเรียนเสริมแม้จะเป็นบาริสต้าอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านกาแฟให้แน่นขึ้นและใช้เวลาในการฝึกฝนอยู่หลายเดือนจนเริ่มต้นขายวันแรก
“ข้อดีของ Moka Pot คือไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ใช้แค่แก๊ส ส่วนผงกาแฟเราสามารถบดจากที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องบดที่ร้าน แรกๆ บดมือทีละแก้ว ฝึกมาเป็นปี ยังไม่ขายจริง จนวันที่เริ่มขายจริงคือการเห็นทำเลหน้าหมู่บ้านตัวเอง เป็นหมู่บ้านเอื้ออาทร มีตลาดเช้าแล้วจะมีคนทำงานอุตสาหกรรมอยู่ พอขายแล้วมันได้ไม่กี่แก้ว ด้วยรูปแบบการทำงานเรามันช้า ชงทีละแก้ว วันแรกทำถึง 5 โมงได้ 12 แก้ว”
แม้วันแรกจะได้แค่ 12 แก้ว แต่ด้วยความไม่ย่อท้อทำให้แม็กได้พัฒนาจากจุดบอดของตัวเองจนในที่สุดก็ฝึกฝีมือให้นิ่งขึ้นและเพิ่มจำนวนแก้วต่อวันจนแตะหลัก 100 แก้วต่อวันได้
“เพราะจุดเริ่มต้น 12 แก้ววันแรก เราไม่ท้อ ประยุกต์ จดจำลูกค้า บอกเขาว่าสามารถสั่งล่วงหน้าไว้รอได้นะ เราเองก็ตื่นมาเช้ากว่าเดิม จากอุปกรณ์บดมือก็มีอุปกรณ์อื่นมาเสริม มีสว่านมาช่วยหมุน เราอยากทำสดๆ ให้เขาได้เห็นทุกขั้นตอนด้วยความพิถีพิถัน เราค่อยๆ ปรับไปเรื่อยๆ จนมีกำลังซื้อเครื่องบด ผมเริ่มต้นจากงบน้อยมากๆ วัตถุดิบ อุปกรณ์ต่างๆ ไม่เกิน 5 พัน วันที่เริ่มขายจริง มีเงิน 1 พันบาท เราเอากาแฟมาขายก่อนแล้วค่อยจ่ายเงิน พอทำมาได้ 3-4 วัน ยอดขายเยอะขึ้น ก็ค่อยๆ เปลี่ยนอุปกรณ์ในการชง เรามีเงินเข้ามาก็เอาไปลงทุนกับอุปกรณ์ให้ดีขึ้น สะดวกขึ้น จนมีเครื่องบดอย่างดีมาใช้ เราบดก่อนแล้วค่อยไปชงที่ร้าน พอขายสักพักลูกค้าเริ่มเชื่อมั่นแล้ว ขอแค่เครื่องดื่มออกมาอร่อยก็แฮปปี้”
สำหรับจุดเด่นของร้าน Charging Coffee นั่นคือกาแฟรสชาติเข้มข้น กินแล้วดีดทุกแก้ว กิน 1 แก้วอยู่ได้ทั้งวัน ที่สำคัญยังราคาไม่แพง 35 บาททุกเมนู ทำให้กาแฟถูกใจคนทำงานในตลาดเช้าเป็นอย่างมาก โดยแม็กได้เล่าให้ฟังถึงเคล็ดลับในการทำให้เขาขายกาแฟแตะหลักร้อยแก้วต่อวันในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง
“เราทำเองทุกขั้นตอน ทำให้เร็ว กระชับ เรามีทักษะจากการเป็นบาริสต้า เลยเข้าใจการบริการและเซอร์วิสในบาร์ รู้ว่าทำยังไงให้มันกระชับและผลลัพธ์รสชาติยังดีเหมือนเดิม จนได้ 100 แก้ว มากสุด 3 ชั่วโมงเคยทำได้ 200 แก้ว จนเป็นกระแสดังในโคราช รสชาติเข้มข้นไม่ต่างจากเครื่อง Espresso
Machine ซึ่งมันเกิดจากการตกผนึกในการทำงาน ผมสอบถามลูกค้า แก้ไขปัญหามัน เราไม่ย่อท้อกับอุปสรรค ไม่คิดว่าถ้าได้ลูกค้าเท่านี้ก็พอใจแล้ว แต่ผมเองอยากทำให้ได้มากกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะอยากได้เงินเพิ่ม แต่เราอยากให้ลูกค้าได้กินของเรามากขึ้น บางทีลูกค้าบอกเราว่าอยากกิน แต่ไม่ได้เพราะมันช้า แล้วต้องรีบไปทำงาน เรามีปัญหาคือลูกค้าต้องไปทำงานตรงเวลา ลูกค้าเสียเวลารอเรา บางทีแค่ 5 นาทีก็ถือว่านานไปแล้วสำหรับบางคน เราเลยต้องทำให้เร็วและจดจำลูกค้าให้ได้ ต้องพูดคุยกับลูกค้า รู้ว่าลูกค้าคนนี้มาเวลานี้ จะกินอะไร ลูกค้าเราก็จะกินเมนูเดิมทุกวัน เราก็สามารถมาเช้ากว่าเดิมเพื่อเตรียมการขาย เทสคุณภาพ พอถึงเวลาก็พร้อมขายได้เลย”
จนถึงปัจจุบัน ร้าน Charging Coffee สั่งสมประสบการณ์มาเกือบ 2 ปีและได้เอาประสบการณ์ของตนเองถ่ายทอดเป็นคอร์สเรียนเพื่ออยากสร้างอาชีพให้แก่คนอื่น อีกทั้งยังมีการขายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ด้วย โดยจะแบ่งเป็น 2 โมเดลคือ 1.คอร์สสอนทำกาแฟ คอร์สละ 4,900 บาท เวลา 1 วัน 2.ขายแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ Charging Coffee มีอุปกรณ์พร้อมขาย
“ด้วยทักษะที่เราศึกษามาประยุกต์กับ Moka Pot มีวิธีการทำที่ไม่เหมือยกับการดูยูทูป เราสามารถเปิดคอร์สสอนให้ความรู้ ใครมาเรียนกับเราก็สามารถขายได้ดีเหมือนเรา เรามีกาแฟเองด้วย ควบคุมคุณภาพเองตั้งแต่การคั่วกาแฟ จนมาเบลน สมจนกลายเป็นกาแฟ Charging ที่รสชาติเข้มข้น ตอนแรกๆ ที่ลงเพจหนึ่งไป มีคนสนใจมาก นักเรียนที่เรียนไปก็ขายได้ เรามีคอร์ส เนื้อหา อุปกรณ์แนะนำหลังจากการเรียน เจอปัญหาอะไรก็แนะนำได้ ส่วนแฟรนไชส์ก็จะได้แบรนด์เราไปด้วย”
แม็กได้ปิดท้ายว่า สิ่งสำคัญในการทำร้านกาแฟให้ประสบความสำเร็จในแบบฉบับของเขาคือการมีคอนเซปต์ที่ชัดเจน รู้จุดยืนว่าเราทำเพื่อใคร คิดถึงลูกค้าว่าต้องการอะไร
“กาแฟผมเข้มบ้าง ขมบ้างในตอนแรก แต่ผมพยายามถามลูกค้าทุกวัน ในช่วง 3-4เดือนแรกว่ากาแฟเป็นยังไงบ้าง จนปรับให้มันนิ่ง เรามีคอนเซปต์ชัดเจนว่าเราทำเพื่อคนกลุ่มไหน ไม่ต้องแคร์ทุกคน เอากลุ่มลูกค้าของเราก็พอ” เขาปิดท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup