Starting a Business

งานอดิเรกเสกเงินได้! 3 แพลตฟอร์มที่จะช่วยคุณสร้างรายได้จากงานแฮนด์เมด

       ตลาดงานแฮนด์เมดเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดสินค้าแฮนด์เมดทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 40 ล้านล้านบาทในปี 2568 หลายคนเริ่มต้นทำงานแฮนด์เมดจากงานอดิเรก จนกลายมาเป็นงานฝีมือสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ยิ่งในสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ การใช้ความคิดสร้างสรรค์และฝีมือในการสร้างผลงาน ดูจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้ได้ดีทีเดียว ซึ่งในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มสำหรับขายงานทำมือออนไลน์อยู่มากมายหลายที่ เลยจะขอแนะนำ 3 ช่องทางหารายได้จากงานแฮนด์เมด 





1. Etsy


     
เว็บไซต์ขายงานแฮนด์เมดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีปริมาณการซื้อ-ขายจำนวนมหาศาล เมื่อเข้ามาในเว็บไซต์จะละลานตากับงานทำมือหลากหลายรูปแบบจากทั่วโลก โดยมีการแบ่งหมวดหมู่สินค้าออกเป็น 8 หมวดใหญ่ และหมวดย่อยอีกมากมาย เช่น งานศิลปะ เครื่องประดับ เสื้อผ้าและรองเท้า ของตกแต่งบ้าน ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีจำกัดเฉพาะงานแฮนด์เมดที่ทำทีละชิ้นเท่านั้น หากเป็นสินค้าที่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในรูปแบบ Digital File ก็สามารถขายที่นี่ได้ด้วย สำหรับค่าธรรมเนียม Etsy จะหักครั้งแรกเมื่อวางสินค้าลงบนแพลตฟอร์มชิ้นละ 0.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อมีการซื้อ-ขายสินค้าแล้วจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการขายอีก 5 เปอร์เซ็นต์  




2. Amazon


     แพลตฟอร์มที่แทบจะมีทุกอย่างวางขาย รวมถึงงานแฮนด์เมดที่ Handmade at Amazon ด้วย Amazon Handmade จะค่อนข้างเข้มงวดในการอนุญาตต้องมีการสมัครและผ่านการคัดเลือกก่อนจึงจะขายสินค้าทำมือได้ แต่ก็มีข้อดีเพราะสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลของ Amazon ได้ ในส่วนค่าธรรมเนียม Amazon Handmade จะหัก 15 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงค่าขนส่งและค่าห่อของขวัญของการขายแต่ละครั้ง หรือ 1 ดอลลาร์ฯ ต่อการขาย แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า  





3. Pinkoi


     ตลาดขายสินค้าออนไลน์จากไต้หวันที่รวบรวมงานแฮนด์เมดและสินค้ามีดีไซน์ โดยจะเรียกร้านค้าที่เปิดบน Pinkoi ว่าสตูดิโอ และผู้สร้างสรรค์ผลงานว่าดีไซเนอร์ โดยปัจจุบันมีสตูดิโอมากกว่า 25,000 ร้าน สินค้าถูกจำหน่ายมากกว่า 11,300,000 ชิ้น โดยเน้นงานดีไซน์ที่มาจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก สินค้าที่ขายบน Pinkoi อาจจะไม่เป็นงานคราฟต์ทั้งหมด แต่จะเป็นสินค้ามีดีไซน์ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ข้อดีของแพลตฟอร์มนี้คือ หากสตูดิโอไหนมีปัญหาในด้านภาษา จะมีบริการแปลภาษาจากไทยเป็นจีนเพื่อการบรรยายสินค้าให้ สำหรับค่าธรรมเนียม Pinkoi ไม่มีค่าเปิดสตูดิโอหรือการวางสินค้า แต่จะมีการเก็บค่าบริการ 15 เปอร์เซ็นต์  


     จริงๆ แล้ว นอกจาก 3 แพลตฟอร์มข้างต้นแล้ว ยังมีแพลตฟอร์มอื่นที่ขายสินค้าแฮนด์เมด หรือบางแพลตฟอร์มขายงานศิลปะ งานดีไซน์ เช่น ArtFire ที่เน้นตลาดยุโรป, อเมริกา, แคนาดา, Creative Market, Zazzle หรือแม้แต่เปิดเพจเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของตัวเองซึ่งเป็นโซเชียลที่มีคนใช้กันทั่วโลก ก็เป็นช่องทางในการขาย ให้คนได้รู้จัก เพราะ
 

  • อยากขายงานแฮนด์เมดออนไลน์ได้ไม่ยาก ทำตามสิ!


1. เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม ตลาดงานแฮนด์เมดมีอยู่หลายแพลตฟอร์ม ซึ่งต้องดูว่างานฝีมือของตนเองนั้นเหมาะกับแพลตฟอร์มไหน รวมถึงพิจารณาถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะขาย เช่น ถ้าเป็น Pinkoi เน้นขายในเอเชีย เป็นต้น ที่สำคัญอย่าลืมดูเงื่อนไขและเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์มด้วย 


2. สินค้าแบบไหนที่จะขายได้บ้าง แม้จะเป็นงานแฮนด์เมดที่มีชิ้นเดียวในโลก แต่งานที่เราทำได้คนอื่นก็อาจทำได้ ดังนั้น ควรสร้างเอกลักษณ์ของสินค้าเพื่อสร้างความแตกต่างและจดจำได้ง่าย เพราะสินค้าบนออนไลน์มีอยู่ทั่วโลกหากสินค้าไม่โดดเด่นจริง ลูกค้าก็จะมองเห็นได้ยากมาก ไม่เพียงเท่านั้นแพ็กเกจจิ้งก็สำคัญ ต้องใส่ใจทั้งการดีไซน์และความปลอดภัยในสินค้าเพื่อสร้างความประทับใจกับลูกค้า


3. รูปถ่ายและคำบรรยายชัดเจน นำเสนอสินค้าด้วยรูปถ่ายสวยงาม ชัดเจน ขณะเดียวกันก็มีคำบรรยายสินค้าที่มีรายละเอียดที่ครบถ้วน เข้าใจง่าย และน่าดึงดูดความสนใจ    


4. จัดโปรโมชัน เพื่อการกระตุ้นยอดขาย ยิ่งการขายของบนออนไลน์มีการแข่งขันกันสูง การจัดโปรโมชันจึงเป็นอีกช่องทาง ในการเพิ่มยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นการลดราคา ของแถม ฟรีค่าขนส่ง แต่กระนั้นต้องจัดโปรโมชันให้ถูกจังหวะเวลาด้วย โดยศึกษาตลาดแต่ละประเทศว่ามีเทศกาลหรือวันสำคัญอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละประเทศจะมีช่วงเทศกาลของตัวเองที่ไม่เหมือนกัน ควรจัดโปรโมชันให้สอดคล้องกับสินค้าและประเทศนั้นๆ ด้วย 


5. รีวิว การรีวิวสินค้ามีความสำคัญ และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นและมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ด้วยเหตุนี้จึงต้องพยายามให้ลูกค้ากลับมารีวิว และควรเช็กฟีดแบ็กความพึงพอใจจากลูกค้าเพื่อนำกลับมาพัฒนาสินค้า 



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup