Starting a Business
เทียนหอมปลอมตัวเป็นเค้ก! Just Don't Eat Club ธุรกิจที่เริ่มต้นจากความรักให้แม่
หากคุณเปิดเข้าไปใน Instagram ชื่อ justdonteatclub คุณจะได้เห็นเบเกอร์รี่สุดน่ากิน สีสันสดใส ทั้งคัพเค้กก้อนจิ๋ว ทั้งไอศกรีมแท่ง รวมถึงขนมนมเนยอีกมากมาย แต่ทั้งหมดนี้กินไม่ได้ตามชื่อ ‘Just don’t eat club’ นี่คือแบรนด์สบู่และเทียนหอมที่ได้สร้างสรรค์ออกมาให้ดูน่ารัก น่ากินแถมยังฮอตฮิตบนโลกออนไลน์!
โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้คือ “ปีใหม่ - พรปวีณ์ นาคสิทธิ์” เธออายุเพียง 24 ปีและกำลังศึกษาต่อปริญญาโท ซึ่งเธอเล่าว่าไม่ได้สร้างแบรนด์ให้เป็นธุรกิจจริงจัง แต่ทำเป็นงานอดิเรกที่สร้างความสุข ที่สำคัญจุดเริ่มต้นของธุรกิจนั้นเริ่มจากความรักและเชิดชูคุณแม่ของเธอเอง
“ก่อนจบปริญญาตรี เราเริ่มอยากทำธุรกิจสักอย่างขึ้นมา เพราะคิดว่าช่วงนั้นน่าจะหางานยากเลยอยากมีธุรกิจส่วนตัว เราก็เริ่มคิดว่าจะทำอะไรดีและช่วงนั้นเราติดคุณพ่อมาก จนคุณแม่เริ่มน้อยใจ ว่าเรารักพ่อมากกว่าหรือเปล่า เราก็รู้สึกในใจว่าอยากทำอะไรเกี่ยวกับแม่ อยากเชิดชูแม่ อยากให้เขารู้ว่าเขาสำคัญสำหรับเรามากๆ นะ อยากเชิดชูเขา ตอนแรกเรากะว่าจะทำแบรนด์ใช้ชื่อเขา ก็คิดว่าจะทำอะไรได้บ้าง คิดไม่ออก ทำธุรกิจอาหารก็กลัวเขาจะเหนื่อย เลยหันไปรอบตัว เจออาหารที่แม่ทำขึ้นมา วันนั้นเป็นไข่ต้มไข่เค็ม เราเลยเอาไอเดียนี้มาผสมกับสบู่ เพราะขณะเดียวกัน เราคิดว่าสบู่มันเป็นก้อนเฉยๆ ถ้าเราเอามาผสมผสานกับงานศิลปะน่าจะเวิร์ค ทำให้คนว้าวด้วย และเราพยายามจะทำให้สบู่เราออร์แกนิกที่สุด เพราะเราคลั่งไคล้ออแกร์นิกมาก”
จากสบู่ไข่ต้มที่มีแม่เป็นแรงบันดาลใจต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างเทียนหอม ทำให้ Just don’t eat club กลายเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ในช่วงโควิด
“จากสบู่เป็นเทียนหอม เราต้องบอกตรงๆ ว่าคนไทยไม่ค่อยสนใจสบู่เท่าไร เพราะเขามีความคิดว่าไม่จำเป็นต้องซื้อสบู่ก้อนละเป็นร้อย เราเลยแตกไลน์เป็นเทียนหอม เนื่องจากเราใช้ซิลิโคนแม่พิมพ์เดียวกันได้ ไอเดียต่างๆ ก็พลิกแพลงได้หมด ทำคู่ขนานกันได้ ซึ่งคนไทยเริ่มฮิตเครื่องหอมและการตกแต่งห้องมากขึ้น เราเลยหันมาทำเทียนหอม เน้นรูปทรงเบเกอร์รี่ เน้นความน่ารัก มินิมอลให้แต่งห้องได้ ช่วงที่คนเริ่มรู้จักจะเป็นช่วงโควิดปีที่แล้ว เพราะพวก Influencer ใน Twitter จะเปิดพื้นที่ให้ฝากร้านได้ วันดีคืนดีเราก็ไปฝากร้าน ก็มีคนมารู้จักมากขึ้น ทีนี้ก็จะเริ่มมี Influencer หยิบเราไปโพสต์ เราเริ่มดังขึ้น คนก็ติดตามมากขึ้น”
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของสินค้า Just don’t eat club จะน่ารักโดนใจ แต่เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นมีดียิ่งกว่ารูปร่างหน้าตา เนื่องจากความตั้งใจของการทำผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ เลือกแต่วัตถุดิบที่ดี นอกจากนี้ยังทุ่มเทเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
“ตอนที่เราได้รับฟีดแบคจากลูกค้าว่าเหมือนของกินมาก เราก็ดีใจนะ แต่อีกมุมหนึ่งเราอยากให้ลูกค้าได้รับรู้ว่าสิ่งที่เราทำมันเต็มไปด้วยประโยชน์ เราเลือกใช้ส่วนผสมที่ดี ใช้ไขถั่วเหลืองที่มีคุณภาพ อย่างตอนที่เราทำสบู่ ตอนแรกเลยเราก็เปิดจากอินเตอร์เน็ต แล้วก็เพิ่งมารู้ว่าสบู่มันมี 2 สูตร 1.MP Melt & Pour สบู่จากกลีเซอรีนและ 2.Cold Process ซึ่งทำยากมาก ใช้เวลา 5-6 เดือนกว่าจะพัฒนา กว่าจะวางขาย เราค้นสูตรเอง คิดเอง ลองผิดลองถูก เสร็จแล้วลองให้ที่บ้านใช้ ก็ลองครั้งแรกก็ใช้ไม่ได้ มันคัน เหมือนยังมีความเป็นด่างเยอะเกินไป เราก็กลับมาพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ จนสูตรมันนิ่งและทดสอบจากคนที่บ้านว่ามันเวิร์ค พอมั่นใจว่าดีจริงๆ เราจึงเริ่มวางขาย” เธอเล่า
อย่างไรก็ตาม เบื้องหน้าที่ดูสดใส แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหลังของธุรกิจก็มีเวลาที่ท้อและยากลำบากอยู่ไม่น้อย ซึ่งเธอเล่าให้ฟังถึงครั้งที่การทำธุรกิจ Just don’t eat club นั้นไม่ง่ายให้ได้ฟัง
“สินค้าของเราส่วนใหญ่เป็น Made to order ลองดูจากเทียนหอมที่ร้านจะสีสันค่อนข้างจัดจ้าน เพราะด้วยอากาศที่ร้อน ถ้าทำสินค้าค้างไว้ สีของน้องจะละลาย ถ้าเราหยิบของที่สีละลายไปขายก็จะไม่สบาย อยากให้ลูกค้าได้ของใหม่ตลดเวลา สำหรับช่วงเวลาที่เหนื่อยใจจริงๆ ก็มีอย่างตอนที่เราทำพวกเค้กก้อนใหญ่ปีที่แล้วที่เปิดให้ลูกค้า Customize ได้ อยากได้อะไรสามารถสั่งได้เลย ช่วงนั้นเครียดมาก จะอ้วกทุกวัน ไม่อยากทำแล้ว แต่เราโปรโมตไปแล้วก็สู้ต่อ กัดฟัน บอกลูกค้าว่าเราจะทำให้ได้ ช่วงนั้น Energy เราเองที่จะทำ เหมือนเป็นคนใจร้อนที่อยากทำแล้วรีบทำ กลายเป็นมันไม่สำเร็จ เลยต้องบอกตัวเองว่า เอ้ย ต้องพักบ้างนะ ต้องผ่อนคลายนะ นี่เป็นงานศิลปะ อย่าหิวเงิน ทำไปเรื่อยๆ ทำเพราะเราสนุกกับมัน รับออเดอร์เท่าที่ไหว ทำเท่าที่ได้ เลยตัดสินใจว่าไม่ทำแล้ว มันเครียด เราอยากให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด อยากให้เค้ารู้ว่าเราตั้งใจมากๆ เราคิดเยอะด้วยว่าลูกค้าจะชอบไหม จะโอเคไหม ค่อนข้างเครียดมากๆ”
โดยพรปวีณ์ได้ปิดท้ายถึงหัวใจความสำเร็จในการปั้น Just don’t eat club ให้เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า ความเคล็ดลับของเธอนั้นประกอบด้วยหลายปัจจัยด้วยกัน
“เราต้องคิดนำคนอื่นเสมอ ไม่ว่าจะออกสินค้าอะไรหรือยังไม่ได้ออก เราต้องมองให้ไกลกว่าชาวบ้านเขา เช่น เขามีแบบนี้ เราจะทำอะไรที่สามารถไปได้ไกลกว่าและต่อยอดได้ สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเงินได้มากกว่า อย่างเวลาเราเดินตามตลาดก็อาจจะเห็นสบู่มะม่วง แล้วเราจะทำอะไรได้ ก็กลับมาคิด งั้นเราลองทำข้าวเหนียวมะม่วงดีกว่าเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าของเรา การที่เรามองไกล มอง 1 ก้าวก่อนคนอื่นมันเวิร์คมาก ลูกค้าจะได้เห็นเราก่อน ได้ประทับใจเราก่อน เป็นหัวใจสำคัญและต้องซื่อสัตย์ สมบูรณ์แบบเพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด”
จากธุรกิจที่เริ่มต้นจากความรักให้แม่ กลายเป็นธุรกิจที่ทั้งครอบครัวเข้ามาปลุกปั้นให้ประสบความสำเร็จ นี่แหละคือเบื้องหลังของแบรนด์ Just don’t eat club ที่เห็นแล้วชวนให้หิวสุดๆ!
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup