Starting a Business
ติดเกมยังไงให้มีเงินแสน เจ๊งยังไงให้กลับมามีรายได้เดือนละ 20 ล้าน ตำราสร้างตัวฉบับ วัชระ ทองสุข
“รวยเร็วเป็นไปได้ รวยง่ายไม่มีอยู่จริง” สัจจธรรม ที่ วัชระ ทองสุข หรือออฟ หนุ่มวัย 27 ปี ได้ค้นพบกับตัวเอง เมื่อเขาสามารถหาเงินแสนได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี จนได้จับเงินล้านอายุ 18 ปี แต่โชคชะตาก็เหมือนมาทดสอบ เมื่อเงินที่สะสมไว้กว่า 4 ล้านบาทนั้นหายวับไปเกือบหมดไปในระยะเวลา 4 เดือน
ตกใจแต่ไม่หมดไฟ เขาถือคติว่าที่ผ่านมาคือกำไร แค่กลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ หันไปจับธุรกิจออนไลน์ภายใต้ บริษัท บีฟอร์มี จำกัด ที่จำหน่ายสินค้ามากกว่า 100 SKU สร้างรายได้ให้เจ้าตัวเดือนละ 20 ล้านบาท อะไรทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ล้มแล้วลุกขึ้นมาจนประสบความสำเร็จ SME Startup จะพาไปพบคำตอบพร้อมๆ กัน
ถ้าจะบอกว่าการติดเกมเป็นสิ่งไม่ดีคงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะบางครั้งมันก็เหมือนกับเป็นวิธีคลายเครียดของเด็ก ยิ่งถ้ารู้จักเล่นให้เป็นเวลาและใช้เป็นช่องทางสร้างรายได้แล้วอาจจะมีประโยชน์มากกว่าโทษ เหมือนกับออฟ ที่เขาใช้เกมเป็นจุดเริ่มต้นในการหาเงินเพราะอยากจะหาค่าโทรศัพท์ไปคุยกับแฟนโดยไม่ต้องรบกวนเงินทางบ้าน แววผู้ประกอบเริ่มฉายเมื่อมือคลิกเมาส์แต่สมองเริ่มหาวิธีหาเงินไปด้วย จนได้พบว่าในการเล่นเกมมีอาชีพพ่อค้าที่เรียกกันว่า “รับของร้อน” คือรับซื้อไอเทมในเกมจากคนที่ร้อนเงินต้องการปล่อยไอเทมในเกมขายแล้วไปขายในราคาใหม่ ซึ่งสามารถทำรายได้หลักหมื่นต่อเดือนให้กับหนุ่มวัย 16 ปี จากแค่หาค่าโทรศัพท์กับทำให้เขามีเงินเก็บหลักแสน
เจอหมัดหนักสะกัดดาวรุ่ง
หลังจากที่โกยรายได้กับการขายไอเทมเกมประมาณสองปี เส้นทางนี้ก็เริ่มตีบตันเมื่อมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่คู่แข่งธรรมดาแต่เป็นคู่แข่งที่มาในรูปบริษัทจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาด ออฟจึงยุติบทบาทตรงนั้นแต่ไม่ได้ยุติวิธีหารายได้ เมื่อมีรุ่นพี่ชวนเปิดเซิร์ฟเวอร์เกม จากธุรกิจนี้เองที่ทำให้ออฟสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวและมีเงินเก็บนับล้านในวัย 18 ปี
“ตอนนั้นหน้าที่ผมคือ ตั้งค่าความยากง่ายของเกม คิดโปรโมชัน โฆษณาให้คนมาเติมเงินในเกม ลองใช้วิธียิงแอดเฟซบุ๊ก ใช้เงินไปประมาณสองพันบาทก็ได้ผลดี มีคนมาเล่นเกมเยอะมาก พอทำไปสักพัก 3-4 เดือน คนเริ่มเบื่อมีเกมใหม่ๆ มาและคนก็เริ่มไปเล่นเกมในมือถือแทนคอมพิวเตอร์”
Game Over สู่ธุรกิจขุดบิทคอยน์
หลังจากธุรกิจเซิร์ฟเวอร์เกมส์ปิดตัวลง เป็นจังหวะที่ธุรกิจขุดบิทคอยน์ในบ้านเราขณะนั้นกำลังเป็นกระแส ออฟจึงนำเงินเก็บไปลงทุนกับการขุดบิทคอยน์ ในเบื้องต้นสามารถทำเงินได้ถึงวันละ 3 หมื่นบาท เมื่อเห็นว่าทำรายได้ดีเขาจึงได้ขยายสเกลซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์เพิ่มนับ 10 เครื่อง เพื่อหวังจะต่อยอดรายได้ แต่การณ์กลับไม่เป็นดังแผนเพราะการขุดบิทคอยน์กลับเจ๊งไม่เป็นท่า
“ไม่คุ้มเลยครับ ไหนจะต้องจ่ายค่าไฟเดือนละ 2-3 แสน เรียกว่าแทบหมดตัวภายใน 3-4 เดือน ก็ท้อนะ แต่ผมถือว่าต้นทุนผมมาจาก 0 เหลือเงินแค่สองสามแสนผมก็ถือว่าก็กำไรชีวิตแล้ว แต่บทเรียนตอนนั้นที่ได้เลย คือ รวยเร็วเป็นไปได้ รวยง่ายไม่มีอยู่จริง”
ถึงแม้จะต้องเสียเงินไปแต่ออฟไม่เสียกำลังใจ และก็เริ่มนำประสบการณ์ที่สะสมไว้เช่น ความรู้ในการยิงแอดโฆษณาในเฟซบุ๊ก ออฟจึงนำมาต่อยอดด้วยการทดลองขายของออนไลน์โดยเลือกสินค้าจากอาลีบาบาและใช้คลิปจากต่างประเทศมาโปรโมตในเพจพร้อมกับเขียนแคปชันร่วมกับการยิงโฆษณา ซึ่งสินค้าตัวแรกที่เขาเลือกมาขายคือ ปากกาลบรอยขีดข่วน เพียงวันแรกทำกำไรได้ถึง 3,000-4,000 บาท เหมือนเส้นชีวิตจะโรยด้วยกลีบกุหลาบหยิบจับสิ่งใดก็เป็นเงินเป็นทอง เมื่อเริ่มต้นได้ดีเขาจึงเพิ่มสินค้ามากขึ้น
“ด้วยความที่สเกลไวไปหน่อย ผมยิงแอดวันละล้าน กำไรเหลือแค่ 5 หมื่นบาทคือ ถ้ายิงแอดมากขนาดนั้นผมต้องขายได้ล้านห้าต้องมีสต็อกสินค้ามากเท่าไหร่ ทำให้กระแสเงินสดเริ่มมีปัญหา บริษัทเหมือนพร้อมล้มตลอดเวลา จึงตั้งสติไม่อยากล้มเหมือนตอนบิตคอยน์ เริ่มไปหาสัมมนาได้แนวคิดว่า การขายสินค้าไม่จำเป็นต้องขายให้ลูกค้าแค่ชิ้นเดียว หรือใช้วิธีนำมาจับคู่สินค้าขาย และใช้การ Tele sale ให้พนักงานโทรสอบถาม เพิ่มบริการหลังการขาย” ทำให้ธุรกิจกลับมาดีขึ้น”
เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ออฟจึงเริ่มมองหาทีมงาน ซึ่งแนวคิดในการหาพนักงานของเขาคือ ต้องการคนที่มีประสบการณ์เคยทำงานกับบริษัทขนาดใหญ่มาร่วมงานด้วยเหตุผลคือ
“การทำธุรกิจออนไลน์ต้องไว ยิ่งผมช้ายิ่งโดนคนอื่นแซง ในช่วงเริ่มต้นบริษัท ถึงจะบอกว่ามียอดขายเยอะ สุดท้ายเขาไม่ได้มองภาพเดียวกับเราเห็น สิ่งที่ทำให้เขามองเห็นชัดตั้งแต่แรกคือเงินเดือน ยื่นข้อเสนอให้เงินเดือนมากกว่าที่อื่น”
เป้าหมายคือเข้าตลาดหลักทรัพย์
ออฟบอกว่าที่ผ่านมาได้ถึงวันนี้ส่วนหนึ่งเพราะว่าเขาได้เริ่มต้นธุรกิจไวเหมือนเป็นภูมิคุ้มเติบโตมาพร้อมกับร่างกายและจิตใจ
“ตอนผมเป็นพ่อค้ารับของร้อน สิ่งที่ผมได้มาคือเรื่องทักษะการเจรจาต่อรอง การมองตลาดสินค้าตัวไหนราคาขึ้นหรือลง พอมานั่งทำเกมออนไลน์ สิ่งแรกที่ได้คือการกำหนดโปรโมชันอย่างไรให้ถูกใจลูกค้า ขจัดข้อโต้แย้งกับลูกค้า หาวิธี wording ให้ลูกค้าใจเย็นลง หรือตอนที่ทำ bitcoin เจ๊ง ก็สอนว่าอย่าโลภ”
ปัจจุบันบริษัทบีฟอร์มีจำกัด มีทีมงาน 120 คน สิ้นปีนี้คาดว่าบริษัทจะทำรายได้ 500 ล้านบาท เป้าหมายต่อไปของหนุ่มวัย 27 คนนี้คือการพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
“แม้ตอนนี้สร้างยอดขายได้เยอะ แต่เหมือนไม่มีมูลค่าให้คนจดจำ สิ่งที่ผมทำต่อไปคือการสร้างแบรนด์เป็นโจทย์ที่ผมตั้งไว้และต้องทำให้ได้ ตอนนี้ผมต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆ โลกไปเร็ว ผมจะเดินช้าหรือเท่าเดิมไม่ได้ ต้องเดินนำหน้า ทุกครั้งทำโปรเจ็กต์ใหม่ๆ แล้วขาดทุน ผมคิดเสมอว่าไม่ใช่การขาดทุนเพราะผมเริ่มจากศูนย์”
ชีวิตที่เริ่มต้นจากศูนย์ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดเสมอไป
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup