Starting a Business
หนุ่มตกงาน นำเงิน 7 พันบาทสุดท้าย เดิมพันชีวิตจับธุรกิจที่ชอบจากร้านกาแฟริมทางสู่ร้านกาแฟห้องแถว
บางครั้งชีวิตก็มีทางเลือกให้ไม่มากนัก เหมือนอย่างชายหนุ่มรายนี้ ที่หลังจากตกงานในช่วงโควิด ที่หางานใหม่ก็ค่อนข้างยาก โจ - ปริญญา สง่าปทุม ตัดสินใจนำเงินก้อนสุดท้ายวัดดวง เลือกทำในสิ่งที่ตนรักและถนัด โดยมีเดิมพันคือ ถ้าธุรกิจไม่เป็นอย่างที่คิดเขาและแฟนก็ต้องแยกย้ายจากเมืองกรุงกลับบ้านไปตั้งหลักที่ต่างจังหวัด
โจได้เปิดใจว่า แต่ก่อนตนเป็นพนักงานร้านกาแฟ แต่เจอพิษโควิดต้องตกงาน จึงนำเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือ มาทำในสิ่งที่ตนเองรักและถนัดคือ เปิดร้านกาแฟ Cloud Coffee Slow Bar ที่เริ่มต้นจากโต๊ะหนึ่งตัว กับเครื่องชงกาแฟหนึ่งเครื่อง อาศัยพื้นที่ริมทาง ในแหล่งทำเลที่มีพนักงานออฟฟิศย่านวิภาวดี
“ที่ขายดีก็น่าจะเป็นความแปลก คนถ่ายรูปลงโซเชียล ราคาไม่แพงเริ่มต้น 40 บาท เพราะละแวกนั้นมีกาแฟที่เป็นเชนใหญ่ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าคนละกลุ่ม”
สำหรับเมนูของทางร้าน ที่นิยมคือ กาแฟดริป ที่จะมีการวนเวียนเปลี่ยนเมล็ดกาแฟไปเรื่อยๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศ ส่วนของประเทศไทยจะมาจากภาคเหนือ นอกจากนี้ยังมีเมนูยอดนิยม อาทิ เอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่ ลาเต้ คาปูชิโน่ เอสเพรสโซ่เย็น มอคค่า และชาเขียว โกโก้ เป็นทางเลือกคนไม่ดื่มกาแฟด้วย
เทคนิคทำให้ลูกค้าติดใจ
สำหรับการขายอาหารให้กับลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศมักจะมีช่วงเวลาทองคือตอนเช้า เที่ยง เย็น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าทำออร์เดอร์ไม่ทันก็เท่ากับทำเงินหล่นหายไปต่อหน้าต่อตา
“ผมใช้วิธีการพูดคุย ให้เกิดความสนุกสนาน การบริการมีส่วนอย่างมาก ถ้าคนขายหน้าตาไม่ยิ้มแย้ม คนซื้อรู้สึกไม่ดีอาจไม่มาซื้ออีก เพราะปัจจุบันกาแฟหากินง่ายแต่หาร้านที่คุยแล้วรู้สึกสบายใจหายาก”
นอกจากการบริการทักทายเป็นกันเองแล้ว โจยังเพิ่มความพิเศษเข้าไปด้วยคือ การจดจำชื่อลูกค้า เมนูที่ลูกค้าชอบสั่ง เขาบอกว่าสิ่งเหล่านี้ได้มากจากประสบการณ์ที่มากขึ้น
“ตอนเป็นลูกจ้างก็ไม่ได้สนิทไม่กล้าคุยเล่นกับลูกค้ามาก พอเราเปิดร้านได้คนอีกแบบมันต่างกัน”
จากพนักงานสู่เจ้าของธุรกิจ
เมื่อถามว่าการเป็นพนักงานประจำกับการมาเป็นเจ้าของร้านในช่วงเวลาประมาณ 6 เดือน มันต่างกันอย่างไรบ้าง เจ้าของร้าน Cloud Coffee Slow Bar บอกว่า ตอนเป็นลูกจ้าง เหมือนอยู่ใน comfort zone มีรายได้แน่นอน ในขณะที่การเป็นเจ้าของธุรกิจก็จะมีความเสี่ยง ไม่ได้มีรายได้แน่นอน และถ้าบริการไม่ดี รายได้เบ้ามาน้อยก็ต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้
“ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหาร การทำธุรกิจทุกอย่าง จากที่เป็นลูกจ้างไม่ต้องคิดมาก เป็นลูกจ้างแค่รอ เวลาเข้างานกับเวลาเลิกงาน แต่ว่าทำเองคิดทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยตัวเอง ขายเอง ทำบัญชีเอง กลับมาบ้านก็ต้องทำต่อ ไม่ได้จบแค่เวลาเลิกงาน”
ถึงจะรู้สึกเหนื่อยแต่โจก็ยอมรับว่าภูมิใจ ถือว่าได้เดินผ่านจุดที่เป็นพนักงานมาแล้ว แม้ช่วงแรกรายได้ยังไม่แน่นอน แต่ละวันยอดขายไม่เท่ากันและมักจะสลับไปมา แต่สุดท้ายโดยภาพรวมโจกล่าวว่ารายได้มากกว่างานประจำ ทำให้เขามีกำลังใจจะทำต่อไป พัฒนาร้านไปเรื่อยๆ ปัจจุบันได้เช่าตึก ทำให้มีพื้นที่ร้านให้ลูกค้านั่งในร้านได้
“ถ้าตอนนี้ใครที่ตกงานหรืออยากเริ่มต้นธุรกิจทำ ก็แนะนำให้ลงมือทำเลย ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ถ้าไม่ชอบทำไปก็เบื่อ อย่างผมชอบชงกาแฟ ทำให้ลืมเรื่องวิกฤต เหมือนได้อยู่กับสิ่งที่รัก ไม่ได้คาดหวังว่าขายดี และอีกอย่างที่อยากฝากถึงคนที่จะเปิดร้านกาแฟอยากให้ทำให้ถูกกฎหมายขายในพื้นที่ที่ถูกต้อง อย่างตอนแรกผมขายริมทาง ก็โดนโซเชียล กระหน่ำ เพราะมันไม่ถูกต้อง และก็ไม่อยากให้ใครทำตาม”
จากเงิน 7 พันสุดท้ายกลับกลายเป็นการสร้างชีวิตใหม่ที่ได้ธูรกิจเป็นของตัวเอง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup