Starting a Business
โตไม่หยุดฉุดไม่อยู่! N-Squared eCommerce ระดมทุนในรอบ Series A ตั้งเป้ายอดขาย 2 พันล้านบาท
Main Idea
- เป็นอีกหนึ่ง startup ไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ กรุ๊ป เพียงสามปีสามารถทำรายได้รวมกว่า 1.9 พันล้านบาท
เป็นอีกหนึ่ง startup ไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ กรุ๊ป ผู้จัดจำหน่ายและผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจร เติบโตอย่างมั่นคงและสร้างกำไรต่อเนื่องด้วยรายได้รวมในประเทศไทย 1,192 ล้านบาทในปี 2562 ตั้งแต่เริ่มธุรกิจเมื่อปี 2559 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 125% (CAGR)
เอ็น-สแควร์เป็นเจ้าของ direct-to consumer แบรนด์ออนไลน์ชั้นนำ และเป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้แก่ 130 แบรนด์ใน 6 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดการณ์รายได้เพิ่ม 2 เท่าภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุด รับเงินลงทุนในรอบ Series A Funding จากนักลงทุนสถาบันชั้นนำ เพื่อเสริมแกร่งประสิทธิภาพของระบบและเทคโนโลยี รวมทั้ง ขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถึงแม้ในปี 2563 เป็นปีที่ท้าทายนักธุรกิจ แต่ในขณะเดียวกันเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจออนไลน์ นัฐพล บุญภินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด เห็นโอกาสในเชิงบวก จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในด้านการซื้อของออนไลน์
"จากข้อมูลของเราพบว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วค่าเฉลี่ยมูลค่าต่อการซื้อ 1 ครั้งเพิ่มขึ้น 23% จาก 669 บาทเป็น 826 บาท นอกจากนี้ ลูกค้ายังซื้อสินค้าจำนวนมากขึ้นต่อครั้ง และมีความถี่ในการซื้อมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ สินค้าที่ขายดีทางออฟไลน์อย่างสินค้าอุปโภคบริโภค (Groceries and FMCG) ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ผู้คนสั่งซื้อออนไลน์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีการเติบโตที่แข็งแกร่งหากเทียบกับสินค้าประเภทอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้นสำหรับความต้องการและความจำเป็นในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีความต้องการมากขึ้นในด้านความรวดเร็ว การบริการที่ดี และค่าส่งราคาถูก จนทำให้ตลาดอี-คอมเมิร์ซ รวมไปถึง supply chain ทั้งหมดขยายตัวอย่างรวดเร็วในปีนี้"
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Statista ระบุว่ามูลค่าตลาดของอี-คอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตมากกว่า 402% จากปี 2562 - 2568 ซึ่งบริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซเองก็ได้รับโอกาสจากการเติบโตนี้ด้วย จากการที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนามก็ล้วนเติบโต
"โดยเฉพาะประเทศฟิลิปปินส์ปีนี้เราเติบโตถึง 782% ส่วนมาเลเซียมีรายได้เติบโต 300% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1-3 ของปี 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟิลิปปินส์ที่เราพบความท้าทายอย่างมากในช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 การขนส่งจำกัดเพียงแค่อาหารและสิ่งจำเป็นเท่านั้น แต่เราก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ด้วยการพลิกสถานการณ์มาขายอาหารแช่แข็งและไอศกรีมในลาซาด้าและช้อปปี้"
นัฐพล บอกต่ออีกว่าปีนี้ สินค้าแบรนด์ของเขาคือ HomeHuk และ XtivePro ถูกจำหนายไปยังลูกค้ามากกว่า 1 ล้านรายผ่านทางช่องทางออนไลน์เพียงช่องทางเดียว ในภูมิภาคนี้ยังมีโอกาสการเติบโตของสินค้า direct-to consumer (D2C)
"เราวางแผนลงทุนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับทั้ง 2 แบรนด์นี้ให้เป็น D2C แบรนด์อันดับหนึ่งสำหรับกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านและสินค้ากีฬาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเดินหน้าเพิ่มกลุ่มสินค้า รวมทั้งขยายฐานสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดการณ์ว่าจะมีรายได้มากกว่า 1 พันล้านบาทในการขายสินค้า 2 แบรนด์นี้ภายในปี 63"
เมื่อพูดถึงเงินลงทุนในรอบ Series A Funding นัฐพล อธิบายว่าได้รับจากบริษัท เคเคพี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน), กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน 2 โดยมี Siam Alpha Equity (SAE) เป็นที่ปรึกษาการลงทุน (Trust Advisor), เครือจันวาณิชย์, AHMP และ ECG-Research ซึ่งนอกจากการนำไปลงทุนเพื่อเสริมแกร่งทางด้านเทคโนโลยีและขยายธุรกิจแล้ว ยังเฟ้นหาทีมงานและผู้บริหารที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเติบโตไปพร้อมๆ กัน รวมทั้ง สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นบริษัท Startup ขนาดใหญ่ที่มีความทันสมัยและเต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup