Main Idea
 
 

• จาก Startup ดาวรุ่งพุ่งแรงกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปัญหาต่าง ๆ ก็รุมเร้า ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ WeWork ต้องพ้นจากตำแหน่ง 

 

• หลังจากนั้น Sandeep Mathrani เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอพร้อม ๆ กับวิกฤติโควิดที่ปะทุขึ้น

   

     หากยังจำได้ ช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว Tech Startup หมื่นล้านที่ทำธุรกิจให้เช่าพื้นที่สำนักงาน และบริการ co-working space ที่รู้จักในนาม WeWork แทบเป็นข่าวรายวันในสื่อธุรกิจหลังจากที่บริษัทดำเนินการเพื่อขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นำไปสู่การตรวจสอบจนพบความไม่ชอบมาพากลจนนำไปสู่ความเคลือบแคลงสงสัย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารของ Adam Neuman (อดัม นิวมานน์) ผู้ก่อตั้งบริษัทและซีอีโอคนเก่า ธรรมภิบาลในองค์กร และผลการดำเนินการของบริษัทที่ยิ่งเติบโตกลับยิ่งขาดทุน





     ส่งผลให้ WeWork ต้องชะลอการเข้าตลาดหลักทรัพย์ และขออุดหนุนเงินลงทุนเพิ่มจากซอฟต์แบงค์ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในญี่ปุ่นที่ยังให้การสนับสนุน ปัญหายังไม่คลี่คลาย WeWork ก็มาประสบกับวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 Sandeep Mathrani (สันทีป มัธรานี) ซีอีโอคนใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของ WeWork ว่าธุรกิจชะลอตัวในเดือนเมษายนและพฤษภาคม


     โดยเฉพาะในนิวยอร์กซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดที่ WeWork มีพื้นที่สำนักงานให้เช่ารวมแล้วเกือบ 9 ล้านตารางฟุต และในบางรัฐ เช่น นอร์ธแคโรไลน่า ลูกค้ารายใหญ่อย่าง เวลส์ ฟาร์โก้ที่เคยเช่าพื้นที่สำหรับพนักงาน 750 คนก็ยกเลิกการเช่าพื้นที่ แต่ยังคงเช่าในพื้นที่ที่ไม่ใช่ในเมืองใหญ่ และสเกลลดลงเหลือ 100 คนเป็นต้น


     อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวเนื่องจากมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องเช่าพื้นที่เพิ่มเพื่อให้พนักงานทำงาน อัตราการเช่าพื้นที่ในเดือนมิถุนายน-กรกฏาคมจึงกลับมาเกือบเท่าก่อนช่วงเกิดโควิด เมื่อบวกกับการดำเนินมาตรการลดต้นทุนต่าง ๆ รวมถึงการปลดพนักงานกว่า 8,000 ตำแหน่ง คาดว่าบริษัทจะกลับมามีสภาพคล่องอีกครั้งในปีหน้า





     สำหรับกลยุทธ์จูงใจลูกค้า สันทีปเผย WeWork ได้นำเสนอ All Access แก่ลูกค้าเดิมที่ยังไม่หนีหายไปไหน รวมถึงลูกค้าที่เลิกเช่าพื้นที่ไปแล้วเพื่อให้กลับมาใช้บริการอีก  All Access จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถใช้บริการ WeWork ได้ทั้ง 800 สาขาที่กระจายทั่วโลก นอกจากนี้ WeWork ยังเปิดบริการ On Demand ขึ้นมาที่ทำให้ลูกค้าสามารถเช่าพื้นที่ออฟฟิศรายชั่วโมง รายวัน หรือรายสัปดาห์ได้ On Demand ให้บริการนำร่องที่สาขานิวยอร์กเป็นที่แรก และลูกค้าให้การตอบรับดีเกินที่บริษัทคาดไว้   


     และก่อนหน้านั้น สักประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว WeWork ได้แนะนำ "We for Education" เจาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษาหลังจากเห็นโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในนิวยอร์กมองหาพื้นที่เช่าสำหรับทำการเรียนการสอนเพื่อลดความแออัดในโรงเรียน WeWork จึงให้ความสนใจและมองว่ากลุ่มสถาบันการศึกษาก็น่าจะเป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งตอนนี้ WeWork ได้ติดต่อและทำสัญญากับมหาวิทยาลัยทั่วโลกหลายแห่งแล้ว


     ในช่วงโควิดที่ต้องเฝ้าระวังเรื่องความสะอาดและการแพร่เชื้อ WeWork มีมาตรการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด ติดตั้งระบบกรองอากาศทั่วทั้งอาคาร และกำหนดระยะห่างในการใช้พื้นที่ เช่น ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างกันอย่างน้อย 6 ฟุตหรือประมาณ 2 หลา





     ต่อคำถามที่ว่า มีแผนจะขยายบริการไปยังชานเมืองเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้คนได้ทำงานใกล้บ้านมากขึ้นหรือไม่ ซีอีโอ WeWork กล่าวว่ามีบางบริษัทที่ทำเช่นนั้น ทำการปรับปรุงตึกของตัวเองแถวชานเมืองแล้วทำเป็นออฟฟิศ แต่สันทีปมองว่าโมเดลนี้ไม่น่าสนใจเนื่องจากคนที่มีบ้านอยู่ชานเมืองสามารถ work from home อยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปทำงานละแวกเดียวกัน อีกทั้งการทำงานที่บ้าน สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็ครบครันกว่า


     สำหรับสันทีป ปูมหลังเขาไม่ธรรมดา เขาเกิดที่มุมไบ อินเดีย แต่รับการศึกษาในสหรัฐฯ เขาเคยเป็นซีอีโอบริษัท GGP และบริษัท Brookfield ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์นานหลายปี ส่งผลให้เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาฯ และเขามีผลงานพลิกฟื้น GGP ที่ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าให้พ้นจากการล้มละลายได้ สันทีปเปิดเผยถึงเหตุผลที่เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของ WeWork ว่าเนื่องจากเป็นสตาร์ทอัพมีชื่อระดับโลก และการเข้ามาสะสางปัญหาภายใน WeWork เป็นงานที่ท้าทาย และตอนนี้เขากำลังหาทางออกทีละเปลาะ ๆ สันทีปเชื่อมั่นว่า ภายในปลายปี 2021 WeWork จะมีสภาพคล่องทางการเงิน และกลับสู่สภาวะทำกำไรอีกแน่นอน

 
ที่มา
https://edition.cnn.com/2020/09/15/success/wework-ceo-future-work/index.html


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup