ถึงต้องทำงานทุกวันและทำหน้าที่เกือบทุกอย่างตั้งแต่ซื้อของเข้าร้านจนกระทั่งร้านปิด แม้บางวันแทบไม่มีเงินเข้าร้าน แทนที่เจ้าของร้านจะขึ้นป้ายปิดกิจการ กลับใช้ความสุขที่ได้จากการทำงานจนสามารถขยายร้านดอกไม้จากบ้านเกิดที่นครราชสีมามาถึงสาขาที่อุบลราชธานีและที่สาขานี้ก็ได้ต่อยอดทำชาดอกไม้ที่เปิดได้ไม่ถึงเดือนแต่กระแสตอบรับดีเกินคาด


     แม้จะรู้ตัวว่าชอบดอกไม้มากกกกกกกกก แต่ออฟ หรือ พิทยา ชาติวัฒนสุคนธ์ ก็เลือกที่จะเรียนสาธารณสุขด้วยที่บ้านซึ่งมีธุรกิจคลินิก หู ตา คอ จมูก แต่เมื่อหลงใหลในความสวยและหอมของดอกไม้ เขาจึงเริ่มมองหาช่องทางที่จะต่อยอดนำสิ่งที่ชอบสร้างให้เป็นธุรกิจของตัวเองจึงตัดสินใจเปิดร้านดอกไม้ข้างๆ คลินิกที่บ้านเกิดที่นครราชสีมา





     “ก่อนทำร้านกับตอนทำร้านมันไม่เหมือนที่คิดเลย เราวาดฝันไว้สวยงาม ว่าได้จัดดอกไม้สวยๆ กลิ่นหอมๆ ส่งมอบให้ลูกค้าคงมีความสุขแล้วได้อยู่กับดอกไม้ทั้งวัน แต่พอมาเปิดร้านจริง มีอุปสรรคข้อจำกัดเยอะมาก แค่ความรักความชอบอย่างเดียวไม่พอ ยังมีรายละเอียดเยอะมาก จะเลือกดอกไม้ จัดวางแบบไหน ทำอย่างไรให้ติดตลาดลูกค้าประทับใจ”


     เจ้าตัวยังเผยอีกว่าเส้นทางการทำธุรกิจร้านดอกไม้ก็ไม่ได้โรยด้วยดอกกลีบกุหลาบ มีบางครั้งเขาท้อถึงกับบางครั้งต้องแอบไปร้องไห้ โดยเฉพาะช่วงที่มีโควิด แทบไม่มีเงินเหลือติดกระเป๋าเลย ทำให้เกิดอาการท้อขึ้นมาบ้างแต่โชคดีที่ได้แฟนกับคนในครอบครัวคอยให้กำลังใจ เหมือนมีคนเอาน้ำเย็นมาให้ทานตอนเหนื่อย ทำให้เขาลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้ง


     จนวันที่ครอบครัวไปเปิดคลินิกหูตาคอจมูกที่อุบลราชธานี เขาก็ยังนำความหอมของดอกไม้ไปเปิดที่ข้างๆ คลินิก และที่ Rain Florist Ubon สาขาอุบลราชาธานีเขาได้ต่อยอดธุรกิจร้านชาดอกไม้ไปด้วย เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้ามีกิจกรรมทำระหว่างการรอดอกไม้





     จากประสบการณ์การเปิดร้านดอกไม้ที่ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างแล้ว แต่เขาบอกกว่าการทำชาที่เป็นของกินจึงต้องพิถีพิถันมากกว่าเป็นเท่าตัว ตั้งแต่การคัดเลือกแหล่งดอกไม้ที่ไม่มีสารพิษ เท่านั้นยังไม่พอตัวเขาเองต้องไปศึกษาผลงานวิจัยของ ม.เกษตรศาสตร์ เพิ่มเติมว่าดอกไม้ชนิดใดทานได้บ้าง จากการศึกษาทำให้พบว่าดอกไม้นอกจากทานได้แล้วยังมีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาสุขภาพด้วย เช่น กุหลาบช่วยระบาย กระตุ้นประสาท ช่วยให้ผ่อนคลาย อัญชันช่วยเรื่องเหน็บชาแต่ว่าห้ามให้คนที่เป็นโรคโลหิตจางทาน 


     จากนั้นลงทุนไปเรียนวิธีการชงชาและศึกษาประวัติศาสตร์ทำให้ทราบว่าการชงชามีต้นกำเนิดมาจากจักรพรรดิ์ของประเทศจีนนั่งกินน้ำร้อนใต้ต้นไม้แล้วใบไม้หล่นใส่ถ้วยน้ำทำให้มีรสชาติหวานแตกต่าง หลังจากนั้นก็มีวิวัฒนาการชงชากันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งการชงชาเป็นเหมือนศาสตร์และศิลปะ ที่นำใบไม้หนึ่งชนิดผ่านการนึ่ง อบ คั่ว ทำให้แห้งมาผ่านน้ำใส่เป็นชา


     “เราแค่เปลี่ยนแค่วัตถุดิบจากใบชาเป็นดอกไม้ แล้วก็สร้าง story อย่างไรให้ลูกค้าเห็นคุณค่า ผมเชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่กินรูปก่อนกินอาหาร เมื่อใดที่รูปภาพสวยเขาอยากลองความแปลกใหม่ ฉะนั้นต้องรู้วิธีการจัดวางการเล่นกับสีของดอกไม้กับภาชนะเพื่อทำให้ดูมีคุณค่าน่าทาน”





     เมื่อทำตัวเองให้พร้อมแล้วออฟจึงติดต่อให้เพจๆ หนึ่งในจังหวัดมาช่วยรีวิว ทำให้ร้านเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น พร้อมกับเพิ่มจำนวนเมนูเยอะขึ้นเพื่อเอาใจกลุ่มวัยรุ่นจากชาร้อนกุหลาบ เพิ่มเป็นชาเย็น โกโก้กุหลาบ โกโก้มินต์อัญชัน ฯลฯ


     “หลังจากรีวิวไปก็ยอมรับว่าได้ผลดีมาก แต่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเหล่านี้อยู่กับเราตลอดไปไม่ใช่แค่มาครั้งเดียว ต้องพัฒนาอีก ให้ดี อร่อยขึ้น ผมก็พยายามเพิ่มเสน่ห์ของชาโดยการนำเอาดอกบัวซึ่งมีปลูกเยอะมากในจังหวัดอุบลราชธานีมาตัวชูโรงให้คนในจังหวัดได้รู้สึกภูมิใจ”


     “ร้านผมเปิดจันทร์ - อาทิตย์ แต่ผมไม่รู้สึกว่าผมทำงานเลย ไม่รู้สึกเหนื่อย มีความสุขมากกว่าตอนทำงานประจำอาจเป็นเพราะได้เริ่มต้นจากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบของตัวเอง ผมว่าเมื่อใดที่มี passion แล้วให้ลงมือทำเลย อย่างน้อยเมื่อได้ลงมือทำในสิ่งที่ชอบแล้วผลตอบรับมันจะมีรายได้กลับเข้ามาเสมอไม่มากก็น้อยเหมือนผมแค่ชอบดูดอกไม้ ศึกษาดอกไม้ ในที่สุดมันกลายเป็นธุรกิจได้ แต่ถ้าคิดแล้วไม่ลงมือทำไม่มีวันเกิดรายได้หรือธุรกิจแน่นอน” ออฟ กล่าวทิ้งท้าย



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup