Starting a Business
LALITDA หยิบน้ำมันหอมระเหยมาใส่เครื่องประดับ
Main Idea
- หากจะนำน้ำมันหอมระเหยมาพัฒนาเป็นโปรดักต์ จะสามารถทำอะไรได้บ้างนอกจากการเบลนด์ให้มีกลิ่นต่างๆ? คำตอบจึงเป็นที่มาไอเดียที่จะสร้างสรรค์เครื่องประดับที่มีกลิ่นหอมขึ้นมาภายใต้แบรนด์ LALITDA
- และเมื่อน้ำมันหอมระเหยทุกกลิ่นไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคน เพราะต้องดูด้วยว่าคนคนนั้นมีโรคประจำตัวอะไรอยู่หรือไม่ ฉะนั้น ธิดารัตน์ กรุดนาค จึงต้องถามความต้องการของลูกค้าก่อนทุกครั้งเพื่อจะได้เลือกกลิ่นให้ได้เหมาะสม
ต้นไม้แค่ต้นเดียวทำไมมหัศจรรย์ขนาดนี้? ความมหัศจรรย์ของต้นไม้ในที่นี้คือ การสร้างและสะสมน้ำมันหอมระเหย ไม่ว่าจะเป็นเปลือก เนื้อไม้ ใบ ดอก ฯลฯ
และด้วยความชอบน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีความเป็นธรรมชาติ จนถึงขั้นไปลงเรียนหลายต่อหลายคอร์ส และลงลึกไปเรื่อยๆ จึงเริ่มมองหาว่าหากจะนำน้ำมันหอมระเหยมาพัฒนาเป็นโปรดักต์ จะสามารถทำอะไรได้บ้างนอกจากการเบลนด์ให้มีกลิ่นต่างๆ และเมื่อได้ไปเห็นเครื่องประดับที่มีกลิ่นซึ่งทำง่ายๆ ด้วยการร้อยเชือก เบส-ธิดารัตน์ กรุดนาค จึงได้ไอเดียที่จะสร้างสรรค์เครื่องประดับที่มีกลิ่นหอมขึ้นมาภายใต้แบรนด์ LALITDA
“จากที่ได้ลองศึกษาเรื่องพวกนี้ในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะใช้หินลาวาเป็นตัวดูดซับกลิ่น เบสก็เลยมองหาโรงงานในไทยก็ไปเจอที่หนึ่งที่เขามีหินตัวใหม่ที่ทำรีเซิร์ชเองมีใบรับรอง เป็นหินธรรมชาติที่มีรูพรุนมากกว่าหินลาวา เลยทำให้ดูดซับกลิ่นเร็วกว่านานกว่าแล้วตอนนี้ยังไม่มีคนใช้ เบสเลยเอาหินนั้นมาทดลองกับตัวเครื่องประดับ คือต้องลองเอามาหยดน้ำมันหอมระเหยดูว่ากลิ่นมันติดไหม ติดได้นานแค่ไหน แล้วเวลานำหินพวกนี้ใส่เข้าไปในเครื่องประดับ เครื่องประดับจะลอกไหม ซึ่งก็พบว่าถ้าเป็นเครื่องประดับที่ทำจากเงินก็จะดำ พอลองใช้สเตนเลสแล้วไม่เป็นอะไร เลยใช้สเตนเลสเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ลองเปลี่ยนกลิ่นไปเรื่อยๆ ซึ่งก็จะพบว่า น้ำมันหอมระเหยที่หยดลงไปกลิ่นจะอยู่ได้ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน แล้วแต่ความหนักเบาของกลิ่นน้ำมันหอมระเหยนั้น”
สำหรับการขายธิดารัตน์จะขายเครื่องประดับซึ่งมีให้เลือกว่าจะเป็น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และต่างหู ที่ทำจากสเตนเลส และข้างในจะมีหินลูกเล็กๆ เพื่อไว้สำหรับหยดน้ำมันหอมระเหยลงไป ส่วนน้ำมันหอมระเหยจะแยกขายต่างหาก เพื่อให้ลูกค้าเลือกว่าจะซื้อกลิ่นไหน ซึ่งบางทีลูกค้าก็จะซื้อทีหลายๆ กลิ่นเพราะสามารถเปลี่ยนกลิ่นได้ตลอดเวลา เพียงเอาหินไปแช่น้ำเปล่าจนกว่ากลิ่นเดิมจะหาย จากนั้นก็สามารถเอาน้ำมันหอมระเหยกลิ่นใหม่มาหยดแทนได้
“ลูกค้าที่ซื้อไปบอกว่า ตัวเขาใส่สร้อยคอก็ได้กลิ่นบางๆ แต่ว่าพอเวลาเดินไปไหนคนจะทักว่าทำไมตัวหอมจัง เพราะเขาบอกว่าไม่เหมือนการฉีดน้ำหอมที่กลิ่นมันจะค่อยๆ หายไป แต่อันนี้อยู่ในหินก็จะอยู่นาน กลายเป็นคนตัวหอมไปเลย ซึ่งเคยเอาเครื่องประดับมาทดลองก็จะพบว่า ต่างหูจะได้กลิ่นดีที่สุด เวลาไปออกบู๊ธคนก็สนใจเข้ามาถามกันเยอะ เขาจะบอกว่าแปลกดีไม่เคยเห็น ก็ลองซื้อเอาไปใส่เล่นดู ส่วนคนที่ซื้อไปแล้วก็จะกลับมาบอกว่าชอบที่มันหอมตลอดเวลา”
อย่างไรก็ตาม ธิดารัตน์บอกด้วยว่า น้ำมันหอมระเหยทุกกลิ่นไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคน เพราะจริงๆ แล้วต้องดูด้วยว่าคนคนนั้นมีโรคประจำตัวอะไรอยู่หรือไม่ ตั้งครรภ์อยู่หรือเปล่า ซึ่งถ้ามีโรคบางโรคอยู่ก็ไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหยบางกลิ่น เช่น ถ้าเป็นโรคความดันสูงไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหยที่มีความเป็นสไปซี่หรือพวกธาตุไฟ เป็นต้น ฉะนั้นเธอจะต้องถามลูกค้าก่อนทุกครั้งว่า มีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า หรืออยากได้น้ำมันหอมระเหยเพื่อเอาไปบำบัดอะไรหรือไม่ เพื่อจะได้เลือกกลิ่นให้ได้เหมาะสม
“ตอนนี้น้ำมันหอมระเหยที่ทำขายจะมี 2 แบบคือ จะเบลนด์เอง อย่างสูตรสมดุลก็จะเริ่มจากตั้งโจทย์ก่อนว่า เราอยากให้กลิ่นนี้ช่วยเรื่องปรับสมดุลฮอร์โมนของผู้หญิง จากนั้นจะมาดูว่ามีน้ำมันหอมระเหยตัวไหนบ้างที่มีคุณสมบัติพวกนี้ แล้วค่อยๆ เบลนด์ว่ากลิ่นไหนเวิร์กที่สุด ฉะนั้นใช้เวลานานมากในการเบลนด์กลิ่นใหม่ๆ เหมือนกับการทำงานศิลปะอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ ก็จะรับเบลนด์กลิ่นแบบ Customize ซึ่งต้องถามรายละเอียดลูกค้าก่อนว่าต้องการกลิ่นแบบไหน แล้วตัวเขาเกิดเดือนอะไร เอาไปใช้ทำอะไร จากนั้นก็ค่อยมาคิดว่าจะเบลนด์กลิ่นอย่างไรต่อไป”
หลังจากที่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจน้ำมันหอมระเหยมาระยะหนึ่ง ทำให้ธิดารัตน์เห็นว่า คนไทยยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก หลายคนไม่เข้าใจว่า ทำไมราคาจึงแพง และต่างจากน้ำหอมสังเคราะห์อย่างไร ดังนั้น จึงเป็นความตั้งใจของเธอที่จะขายน้ำมันหอมระเหยพร้อมให้ความรู้ควบคู่ไปด้วย เพราะน้ำมันหอมระเหย นอกจากจะช่วยบำบัดอาการต่างๆ ได้แล้ว ภายใน 48 ชั่วโมงก็จะระเหยออกจากร่างกายไปหมด ไม่ตกค้างอยู่ในร่างกายเหมือนน้ำหอมสังเคราะห์
FB : bylalitda
IG : lalitdaofficial
Line : @lalitda
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup