Starting a Business
INTHAI หยิบลายครามมาสร้างแบรนด์
Main Idea
- ด้วยความตั้งใจที่จะหยิบเอาเอกลักษณ์หัตถกรรมไทยมาต่อยอดพัฒนาให้ร่วมสมัย โดยเน้นไปที่สินค้าแฟชั่น อารียา บุญช่วยแล้ว จึงพัฒนาแบรนด์ INTHAI ขึ้นมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยไทย
- แม้จะเป็นเพียงเด็กผู้หญิง แต่ความคิดและความตั้งใจกลับยิ่งใหญ่ จนทำให้แบรนด์นี้ได้รับการสนับสนุน และแจ้งเกิดได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“INTHAI มาจากคำว่า อินในความเป็นไทย เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้เพราะอยากต่อยอดให้แบรนด์นี้ไปไกลต่างประเทศ คนเห็นแบรนด์นี้ก็รู้ว่า Made in Thailand”
นั่นคือที่มาของ INTHAI ที่มีคอนเซปต์ชัดเจนคือ หยิบเอาเอกลักษณ์หัตถกรรมไทยมาต่อยอดพัฒนาให้ร่วมสมัย โดยเน้นไปที่สินค้าแฟชั่นของ มายด์-อารียา บุญช่วยแล้ว ซึ่งพัฒนาแบรนด์นี้ขึ้นมาตั้งแต่เรียนอยู่ปี 3 คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
“ตอนอยู่ปี 3 อาจารย์ให้ทำโปรเจกต์หัวข้อออกแบบของที่ระลึก เขาให้เลือกอะไรก็ได้ที่มาจากการพัฒนาต่อยอดจากสิ่งเดิม เลยเลือกเอาลายครามมาทำเสื้อ ทีนี้ ThaiGraphic เขาเอาผลงานนักศึกษา 50 คนไปลง ปรากฏว่ามีคนสนใจเยอะมาก อยากให้ทำขาย พอดีจังหวะนั้น ททท.เห็นผลงาน เขาเลือกนักศึกษา 6 คน ให้ทุนเพื่อทำออกมาเป็นโปรดักต์ไปออกบู๊ธงาน Art Inspired ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เราเลยเอาเงินนั้นมาผลิตเสื้อได้ประมาณ 10 ตัว แต่ยังมีเงินเหลือเลยทำต่างหูเซรามิกจิ๋วลายครามไปขายด้วย พอไปขายผลตอบรับดีมาก เลยทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการที่จะทำโปรดักต์นี้ต่อ แล้วก็เพิ่มโปรดักต์ใหม่คือ ผ้าพันคอเข้ามาด้วย”
ด้วยความที่แบรนด์ INTHAI มีความโดดเด่นจากการหยิบเอาหัตถกรรมไทยมาทำให้เป็นแฟชั่น จึงทำให้ถูกตาต้องใจหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐ ที่สนใจชวนไปออกบู๊ธในงานต่างๆ ซึ่งทำให้ INTHAI ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น
“การเอาหัตถกรรมที่คนเห็นผ่านตาบ่อยๆ ซึ่งอยู่บนถ้วยชาม แต่ยังไม่เคยเห็นมาอยู่บนเสื้อผ้าหรืองานเซรามิกอื่นๆ ที่เป็นเครื่องประดับ มันเหมือนการที่เราเอาความคุ้นตามาปรับเปลี่ยนใหม่ แต่คนก็ยังจำลวดลายได้ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจได้มากขึ้น แล้วยิ่งเขาเห็นว่าจากความเป็นไทยมาเป็นโมเดิร์นก็จะยิ่งหลงรักง่ายขึ้น เพราะเป็นของไทยแล้วต่อยอดขึ้นมา สิ่งนี้ทำให้ได้รับการตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อมีหน่วยงานรัฐมาสนับสนุนคัดเลือกเราไปออกบู๊ธ ซึ่งถ้าตรงกับช่วงเสาร์-อาทิตย์ไม่ติดเรียนก็จะไปออก นอกจากจะได้เงินกลับมาแล้วยังได้คอนเน็กชันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ”
เมื่อผลตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับการได้รับรางวัล DEmark Award 2018 กลุ่มความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์แฟชั่นเครื่องแต่งกาย ทำให้อารียารู้สึกว่าจะทิ้งโอกาสดีๆ นี้ไม่ได้ อีกทั้งเห็นแนวโน้มว่ายังสามารถต่อยอดแบรนด์ INTHAI ไปได้อีกไกล จึงพร้อมกระโดดมาเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว ซึ่งเธอโชคดีที่มีคุณพ่อสนับสนุนและช่วยสอนการทำธุรกิจทั้งการวางเป้าหมาย การทำการตลาด การตั้งราคา เป็นต้น
“อย่างการตลาดพ่อจะสอนให้จดทุกอย่าง เช่น ลูกค้าที่มาซื้อเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย อายุเท่าไหร่ เขาซื้ออะไรไปบ้าง เขาซื้อผ้าพันคอแล้วซื้อต่างหูด้วยหรือเปล่า ต่อรองราคามั้ย ฯลฯ เรียกว่าเป็นการเก็บข้อมูล จากนั้นก็มาช่วยกันวิเคราะห์กับพ่อเพื่อที่เราจะได้รู้จริงๆ ว่า ลูกค้าคือใคร หรือการที่เรามีไปขายหลายที่ แต่ละที่ได้ยอดเงินกับจำนวนลูกค้าไม่เท่ากัน ก็จะมาวิเคราะห์กันอีกทีว่าเพราะอะไร เป็นการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ”
นอกจากยังได้รับโอกาสดีๆ ในประเทศแล้ว อารียายังได้รับโอกาสในต่างประเทศอีกด้วย โดยล่าสุดได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งใน 20 แบรนด์จากโครงการ DEmark ให้ส่งโปรดักต์ผ้าพันคอไปร่วมออกบู๊ธ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งการขยายตลาดไปต่างประเทศก็เป็นเป้าหมายของอารียาที่จะทำให้คนต่างชาติได้รู้จักแบรนด์ INTHAI ไม่ใช่แค่ Made in Thailand เท่านั้น แต่ยังเป็นแบรนด์ที่สื่อถึงความเป็นไทยอีกด้วย
ทั้งนี้การที่อารียาจบการศึกษาแล้วในปีนี้ ทำให้เธอพร้อมที่จะเดินหน้าลุยการทำธุรกิจนี้อย่างเต็มกำลัง แต่หากย้อนกลับไป เธอก็ยอมรับว่าในช่วงแรกก็ไม่กล้าไม่มีความมั่นใจในผลงานตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าหลายคนจะเป็นเช่นนี้ เธอจึงให้ข้อแนะนำว่า
“ถ้าไม่กล้าทำก็จะไม่รู้เลยว่างานของเราไปไกลได้แค่ไหน ขอให้ทำไปก่อน อย่างแบรนด์ INTHAI ก็ทำไปก่อน ถ้าไม่เวิร์กค่อยมาแก้ไข เพราะลูกค้าจะบอกเองว่าเราควรปรับแบบไหน เช่น ตอนแรกทำต่างหูเซรามิกกับสเตนเลส ลูกค้าบอกว่าเขาแพ้สเตนเลส เราก็ปรับมาเป็นเงินแทน ดีไซเนอร์ส่วนใหญ่จะอยู่กับตัวเอง มีไอเดียโปรเจกต์ดีมาก แต่ไม่กล้าลงมือทำ คิดว่าต้องกล้าลงมือทำ แล้วข้อมูลเดี๋ยวนี้มีอยู่ในกูเกิลอยู่แล้ว ไม่รู้อะไรก็เซิร์ชหาเอาได้”
FB : INTHAISTUDIO
IG : INTHAISTUDIO
E-Mail : inthaistudio@gmail.com
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup