ด้วยความที่เรียนมาทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จ๊ะจ๋า-ชนิกานต์ กิติเวชโภคาวัฒน์ จึงใช้เวลาว่างระหว่างรองานประจำหารายได้ด้วยการทำกระเป๋าที่ออกแบบเองในชื่อแบรนด์ Chapiee ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาจาก Form จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

     “หลังจากจบมาระหว่างรองานประจำ และยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เห็นเพื่อนๆ เริ่มมีงานทำ มีรายได้กันแล้ว เราก็อยากจะมีรายได้บ้าง เลยหาอะไรทำดีกว่า ซึ่งปกติชอบแต่งตัว ชอบกระเป๋า เวลาไปช้อปปิงจะดูกระเป๋าเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับเรียนมาทางสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ ซึ่งเกี่ยวกับ Form หน้าตาของตึก เลยคิดว่าเอามาปรับกับกระเป๋าน่าจะได้ง่ายกว่า”  

     กระเป๋า Chapiee รุ่นแรกจึงออกมาเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม โดยเน้นฟังก์ชันการใช้สอย เช่น มีสายที่สามารถปรับการถือได้ถึง 3 แบบ และมีช่องเล็กๆ เพื่อใส่โทรศัพท์มือถือ

     “Form สามเหลี่ยมน่ารักดี แต่ที่เคยเห็นคนอื่นทำเขาจะใช้ผ้าผืนเดียวแล้วเย็บขึ้นมาให้เป็นทรงสามเหลี่ยม แต่ Chapiee เราจะใช้ผ้าเป็นชิ้นแล้วมาประกอบกัน แล้วเราจะคิดถึงฟังก์ชันด้วยเวลาใช้งานมันเป็นยังไง อย่างคุณแม่ชอบบ่นว่า เวลาซื้อกระเป๋าจะชอบกระเป๋าที่สามารถตั้งได้ เวลาวางของแล้วไม่หล่น เลยคิดว่าถ้ามันตั้งได้ก็ดีเพราะเวลาหาของก็หาง่าย นอกจากนี้ ข้างในจะมีช่องใส่ของ ปรับสายได้ ถือได้หลายฟังก์ชัน”





     จากการเรียนที่ถูกฝึกมาให้เมื่อคิดจะทำอะไรสักอย่างต้องรู้ให้ลึกให้รอบด้าน การเริ่มต้นในช่วงแรกซึ่งค่อนข้างมีอุปสรรคกับการที่จะแปลงความคิดให้ออกมาเป็นชิ้นงาน เพราะนอกจากจะหาช่างที่เย็บได้ถูกใจยากแล้ว ยังต้องสื่อสารให้เข้าใจอีกด้วย ในเรื่องนี้ชนิกานต์จึงใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อรีเซิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับการเย็บ เพื่อจะได้คุยกับช่างได้เข้าใจ

     “การหาช่างยากมาก ติดต่อคุยกับช่างหลายเจ้า ต้องหาจนกว่าจะเจอช่างที่ถูกใจ บางเจ้าทำออกมาได้ก็จริงแต่ความเนี้ยบยังไม่ถึงจุดที่เราต้องการก็ไม่เอา แต่ที่คณะสอนมาว่าเวลาจะทำอะไร เราจะต้องรีเซิร์ชเข้าไปลึกๆ ว่ามันจะต้องเป็นยังไง ซึ่งจากตอนแรกไม่รู้เลยว่ากระเป๋าเขาเย็บกันยังไง เลยทำให้ต้องไปรีเซิร์ชมากขึ้น ทำให้สามารถคุยกับช่างได้รู้เรื่อง บางครั้งแค่เราเข้าไปบอกเขาว่าพี่จะเอาแบบนี้โดยที่เราไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง เขาก็จะบอกว่าทำไม่ได้ แต่ถ้าเรารีเซิร์ชมา อธิบายให้เขาเข้าใจหรือทำอีกแบบแทนได้ เขาก็จะทำตามที่เราต้องการได้”

     ชนิกานต์เล่าว่าเมื่อกระเป๋าทรงสามเหลี่ยมออกมา ทำให้แบรนด์ Chapiee เป็นที่รู้จักมากขึ้น ดังนั้น ในคอลเลกชันที่สอง เธอจึงยังคงเล่น Form เพียงแต่เปลี่ยนมาเป็นทรงกระบอก เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือจุดยืนของแบรนด์เอาไว้

     “เริ่มจากว่าทำอะไรต่อดีที่เป็น Form สามเหลี่ยมอาจจะเป็น Form ที่คนเข้าถึงยาก งั้น Form ไหนที่เข้าถึงง่ายสี่เหลี่ยมหรือว่าทรงกระบอก แต่สี่เหลี่ยมเห็นคนถือเยอะแล้ว เราน่าจะลองมาพัฒนาทรงกระบอก เลยคิดว่าจะเล่นยังไงกับทรงกระบอกได้บ้าง ก็กลับไปคิดว่าต้องจับให้มันตั้งขึ้นมา โดยจะเป็นผ้าหนังกลับซึ่งหนาหน่อยเพื่อทำให้กระเป๋าอยู่เป็นทรงได้ ตอนเลือกวัสดุก็จะไปเดินหาเองเพราะไม่อยากได้ซ้ำกับของคนอื่น ที่ไหนที่มีก็ไปเดินมาหมด แล้วพอจับตัวนี้รู้สึกว่าแท็กเจอร์มันน่าสนใจ แล้วมีความหนาในระดับหนึ่ง”





     อย่างไรก็ตาม ด้วยรูปแบบกระเป๋าลักษณะนี้มักจะขายดีในช่วงซัมเมอร์ที่คนนิยมไปท่องเที่ยวกัน ดังนั้น เธอจึงมีเทคนิคเพิ่มยอดขายด้วยการจัดแคมเปญขายแพ็กคู่กระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กในราคาพิเศษ ซึ่งทำให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้นทีเดียว ขณะเดียวกันก็อาศัยช่องทางในร้านมัลติแบรนด์สโตร์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางขาย ซึ่งเธอยอมรับว่าในตอนนี้ช่องทางนี้มียอดขายมากกว่าออนไลน์ด้วยซ้ำไป เพียงแต่ต้องเลือกร้านที่ไปในทางเดียวกับแบรนด์

     “เดี๋ยวนี้ร้านออนไลน์เยอะมาก บางทีคนซื้อก็ไม่รู้ว่าร้านนี้เชื่อถือได้หรือเปล่า แต่ถ้าเขาไปเห็นว่ากระเป๋าเรามีวางอยู่ที่ร้านเขาอาจจะเข้าไปดูที่ร้านแล้วชอบ แล้วถ้ามันถูกใจจริงๆ เขาก็จะซื้อจากตรงนั้น ซึ่งเดี๋ยวนี้ร้านมัลติแบรนด์เยอะมาก ก็กลายเป็นว่าคนกลับไปซื้อของที่ร้าน ดังนั้น ถ้าเรามีสองช่องทางก็จะช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น”
 
     FB : Chapiee.official
     IG : chapiee.official
     Line : @chapiee
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup