Starting a Business

Wheelys Café เชนคาเฟ่สามล้อที่หมุนไปทั่วโลก





 

     หลายๆ ครั้ง การถูกปฏิเสธก็กลายเป็นแรงผลักดันชั้นดีที่ทำให้ใครหลายคนลุกขึ้นมาลงมือทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำมาก่อน ซึ่งพอถึงตอนนั้นก็ทำให้ค้นพบศักยภาพที่มีอยู่ในตน หนึ่งในนั้นคือ มารีอา เดอ ลา คร็อกซ์ นักธุรกิจสาววัย 29 ปีจากสวีเดน ผู้ก่อตั้ง Wheelys Cafe เชนร้านคาเฟ่ขนาดจิ๋วที่ขยายธุรกิจไปยัง 65 ประเทศทั่วโลกมีผู้ซื้อแฟรนไชส์กว่า 600 รายภายในระยะเวลาแค่ 3 ปี อะไรที่ทำให้มารีอาซึ่งจบการศึกษาด้านวิจิตรศิลป์และเชิดชูความเป็นสตรีนิยมสลัดคราบการเป็นอาร์ทิสต์มาสวมบทบาทผู้ประกอบการรุ่นใหม่

     จุดเริ่มต้นมาจากมารีอาไปสมัครงานที่ร้านสตาร์บัคส์ เชนร้านกาแฟดังจากอเมริกาในตำแหน่งบาริสตาหรือพนักงานชงกาแฟ แต่ได้รับการปฏิเสธเนื่องจากเธอย้อมผมเป็นสีฟ้าซึ่งสตาร์บัคส์พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม ความผิดหวังจากการถูกปฏิเสธงานทำให้เธอฮึดสร้างธุรกิจของตัวเอง  

     เนื่องจากเล็งไว้ว่าต้องเป็นธุรกิจกาแฟเช่นเดียวกับสตาร์บัคส์ ด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มเพื่อน มารีอาและหุ้นส่วนตั้งบริษัทขึ้นในปี พ.ศ.2557 พร้อมกับการกำเนิดโมเดล Bike-Based Café หรือคาเฟ่บนจักรยานสามล้อในชื่อ “Wheelys Cafe” โดยแทนที่จะเน้นการลงทุนตกแต่งร้านก็มุ่งไปที่คุณภาพและความสดใหม่ของกาแฟ รวมถึงการเข้าหาลูกค้าตามจุดต่างๆ

     เป้าหมายของมารีอาคือ การสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้ประกอบการ เป็นนายตัวเอง ซึ่งการดำเนินธุรกิจร้านกาแฟรูปแบบ Wheelys Cafe ใช้เงินทุน 3,000-7,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่สูงลิ่วเหมือนการเปิดร้านแบบ Stand Alone ที่ต้องลงทุนหลายแสนดอลลาร์ฯ มารีอากล่าวว่า ธุรกิจของเธออาจจะไม่ดีเลิศ 100 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ เป็นแค่บริษัทเล็กๆ แต่จำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกทำให้เธอหวังจะให้กำลังใจคนหนุ่มสาวที่คิดอยากทำธุรกิจได้หันมาลองโอกาสใหม่ๆ โดยมี Wheelys Café เป็นตัวเลือก

     รูปแบบธุรกิจของ Wheelys Café คือการขายแฟรนไชส์และวัตถุดิบคือเมล็ดกาแฟ ผู้ซื้อแฟรนไชส์หรือที่มารีอาเรียก “Wheeler” สามารถเลือกรูปแบบร้านที่มีหลายขนาด โดยขนาดใหญ่สุดถือเป็นคาเฟ่ที่ให้บริการเต็มรูปแบบ แม้จะอยู่ในรูปสามล้อขับเคลื่อนขนาดกะทัดรัดแต่ก็อัดแน่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเตาต้มน้ำ ก๊อกน้ำ อ่างล้าง ถังน้ำที่อยู่ใต้อ่าง ตู้เย็น โต๊ะติดพับข้างรถ แผงโซลาร์ มอเตอร์ไฟฟ้า (ใช้เวลาปั่นขึ้นเนินเขา) ฯลฯ จุดเด่นของ Wheelys Café คือการชูความเป็นธุรกิจที่เอื้อสังคม เอื้อสิ่งแวดล้อม เมล็ดกาแฟผ่านการคัดสรรมาแล้วว่าเป็นเมล็ดกาแฟออร์แกนิกที่ได้มาจาก 4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย รวันดา กัวเตมาลา และเคนยา

     หลังจากที่จ่ายค่ารถและอุปกรณ์ ซึ่งราคาอยู่ระหว่าง 3,000-7,000 ดอลลาร์ฯ Wheeler ยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้บริษัทเป็นรายเดือน เดือนละ 200 ดอลลาร์ฯ และมีข้อตกลงว่าสินค้าหลักจะต้องเป็นกาแฟซึ่งมีกว่า 10 ชนิด Wheeler สามารถเลือกได้ว่าจะเลือกเสิร์ฟเมนูใดเป็นพิเศษเพื่อให้ถูกลิ้นของคนในท้องที่ เช่น ในจอร์แดน จะมีเมนูกาแฟตุรกีบริการ ส่วนในอเมริกาซึ่งเป็นตลาดที่ Wheelys Café เติบโตเร็วสุด เมนูยอดฮิตคือลาเต้ และคาปูชิโน เป็นต้น นอกจากกาแฟแล้ว Wheeler สามารถเลือกขายสินค้าอื่นเพิ่มเติมได้ตามสะดวก เช่น เครื่องดื่มร้อนเย็นอื่นๆ เช่น ชา น้ำอัดลม น้ำผลไม้ สลัด แซนด์วิช มัฟฟิน และอื่นๆ   

     หลังเปิดตัวในปี พ.ศ.2557 ปีถัดมา มารีอาและหุ้นส่วนได้นำ Wheelys Café ไปนำเสนอเพื่อขอทุนสนับสนุนในการดำเนินธุรกิจผ่านเว็บไซต์ IndieGogo ปรากฏว่าได้เงินทุนมาหนุนก้อนแรก 1 แสนดอลลาร์ฯ แถมยังได้รับเลือกให้ร่วมโครงการ Y Combinator ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นโครงการพี่เลี้ยงสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ โครงการนี้จะช่วยชี้แนะและทำให้ผู้ประกอบการได้พบกับนักลงทุนทั้ง VC และ Angel ทำให้มีโอกาสที่จะได้ทุนสนับสนุนเพิ่มขึ้น ซึ่งหลังจากที่เข้าร่วม Y Combinator โครงการ Wheelys Café ของมารีอาก็ระดมทุนได้อีก 2.5 ล้านดอลลาร์ฯ

     ภายในช่วงเวลาปีเดียวของการดำเนินธุรกิจ มารีอาสามารถขยาย Wheeler ได้ 150 รายใน 40 ประเทศ ทำให้ต้องย้ายสำนักงานใหญ่ไปเมืองหลวงสตอกโฮล์ม และเปิดออฟฟิศใหม่ในนครเซี่ยงไฮ้เพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายคาเฟ่บนล้อ ปัจจุบันธุรกิจ Wheelys Café ขยายไป 65 ประเทศทั่วโลกด้วยจำนวน Wheeler กว่า 600 ราย

     อารอน แฮรีส หุ้นส่วนคนหนึ่งของ Y Combinator กล่าวว่า “ธุรกิจของมารีอาน่าทึ่งและสร้างสรรค์มาก ผมอยู่นิวยอร์กมานาน ไอเดียกาแฟรถเข็นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ที่ทำให้ Wheelys Café แตกต่างคือการที่ทีมงานได้สร้างชุมชนผู้ประกอบการทั่วโลกขึ้นมาภายใต้แบรนด์และเครือข่ายโลจิสติกส์เดียวกัน”

     กล่าวสำหรับมารีอา การบุกเบิกธุรกิจ Wheelys Café แม้จะผ่านมา 3 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคนานามาให้เผชิญ อย่างแรกคือ ความลำบากในการจัดส่งรถสามล้อและอุปกรณ์น้ำหนัก 200 กิโลกรัมข้ามทวีปไปให้ Wheeler ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจเปิดสำนักงานในเซี่ยงไฮ้เพื่อทำเป็นศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งมีผู้ติดต่อซื้อแฟรนไชส์คาเฟ่บนล้อเฉลี่ยวันละ 2 ราย

     อุปสรรคลำดับต่อมาคือ กฎระเบียบเกี่ยวกับการอนุญาตให้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มข้างถนนในหลายประเทศไม่เหมือนกัน นอกจากนั้น สภาพอากาศก็เป็นปัญหาเช่นกัน การขายของแบบ Open Air หากอากาศไม่เป็นใจ เช่น ร้อนจัดแบบ 45 องศาเซลเซียส หรือหนาวแบบอุณหภูมิติดลบก็เป็นเรื่องยากลำบาก ที่สำคัญยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค 3,000-7,000 ดอลลาร์ฯ อาจเป็นต้นทุนกลางๆ สำหรับการเริ่มธุรกิจในประเทศพัฒนาแล้ว แต่สำหรับประเทศกำลังพัฒนา นี่คือต้นทุนที่สูงไม่ใช่น้อย  

     อย่างไรก็ตาม มารีอาและทีมยังมุ่งมั่นจะพัฒนาธุรกิจต่อไปให้เป็นชุมชนของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ทั่วโลก ล่าสุด Wheelys Café ได้พัฒนาแอพพลิเคชัน De La Croix เพื่อให้ Wheeler สามารถรับออร์เดอร์จากลูกค้า หรือสั่งวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์ได้ ซึ่งทุกการทำธุรกรรม 5 เปอร์เซ็นต์ของยอดธุรกรรมจะถูกหักเป็นรายได้ของบริษัท ทั้งนี้ได้มีการทดลองใช้แอพพลิเคชันดังกล่าวในสตอกโฮล์ม Wheeler 1 รายทำรายได้ 12,000 ดอลลาร์ฯ ต่อเดือน และบริษัทหักเปอร์เซ็นต์เป็นเงิน 600 ดอลลาร์ฯ มารีอาตั้งเป้าธุรกิจเล็กๆ ของเธอจะสามารถเอาชนะแบรนด์กาแฟระดับโลกอย่างสตาร์บัคส์ ความฝันของเธอจะเป็นจริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี