ด้วยความที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นวัยเรียน จึงชอบที่จะใช้กระเป๋าเป้ ที่มีดีไซน์ สีสันสดใส แต่เมื่อมองหาในตลาดในเวลานั้นแทบจะไม่มีที่ถูกใจ เพราะโดยส่วนใหญ่จะเจอแต่กระเป๋าเป้สีทึมๆ ดำๆ แถมราคายังแพงอีกต่างหาก ทำให้ 3 เพื่อนรัก โอบ-ณิชา สมิทธิปรีชาวงษ์ นิ้ง-สลิลทิพย์ สุขเจริญไกรศรี และ ใบตอง มอนชู ตัดสินใจลุยทำกระเป๋าเป้ในแบบที่ตัวเองชอบ ภายใต้แบรนด์ TROOPERS

     “เริ่มต้นจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรากำลังเรียนนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พวกเรารักการท่องเที่ยวแล้วก็ชอบแบกเป้ไปเที่ยว แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่นยังไม่มีเงินเยอะรู้สึกว่ากระเป๋าที่ถูกใจเราส่วนใหญ่มีราคาค่อนข้างแพง แล้วไม่มีที่เป็นแฟนซี สีสันสดใสหน่อย ขณะเดียวกันระหว่างที่เรียนเราก็เรียนวิชาแบรนดิงกับมาร์เก็ตติงด้วย เราเลยรู้สึกว่า อยากเอาวิชาที่เราเรียนอยู่มาใช้ประโยชน์จริง พร้อมกับ Passion ของพวกเราให้ออกมาเป็นชิ้นงานหนึ่งชิ้นก็มีการลองผิดลองถูกประมาณ 6 เดือนกว่าจะออกมาเป็นกระเป๋าเป้ที่มีสีสดใส ให้ความรู้สึกสนุกสนาน” ณิชาเล่าถึงที่มาของแบรนด์ TROOPERS

     แน่นอนว่า ความเป็นวัยรุ่นที่เข้าใจในวัยรุ่นด้วยกันเอง โดยวางกลุ่มเป้าหมายชัดเจนว่า เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายไปจนถึงเริ่มต้นทำงาน กระเป๋าเป้ TROOPERS จึงตอบโจทย์โดนใจวัยรุ่นที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีความแตกต่างจากกระเป๋าเป้ในตลาดทั่วไป ทำให้การออกสตาร์ทของ TROOPERS ไปได้ดีทีเดียว

     “ตอนแรกเราคิดกันว่าต้องเปิดตัวโปรดักต์ให้ปังก่อน ก็ศึกษาดูคู่แข่งทั่วไป ออนไลน์เขาทำยังไงบ้างแล้วหาวิธีที่แตกต่าง จุดเด่นเราคืออะไรแล้วดึงออกมาให้มากที่สุด เพื่อให้เขามองแล้วนึกออกเลยว่า นี่คือแบรนด์ TROOPERS ซึ่งการทำการตลาดออนไลน์รูปภาพจะสำคัญมากๆ เราเลยเน้นถ่ายเป็นไลฟ์สไตล์ คนแบกเป้ออกไปเที่ยวเอาต์ดอร์ เดินป่าหรือทะเล แบบนี้คนก็จะเห็นภาพชัดเจนว่า เราจะสื่อไป แล้วตอนแรกเราเอาไปเปิดตัวที่งาน Zaap on Sale ก่อน ทั้งๆ ที่ตอนนั้นยังไม่พร้อมขาย คือไม่มีของ แต่อยากให้คนเห็นก่อน เอาตัวโชว์ไปวาง 3 ใบ แล้วเปิดพรีออร์เดอร์เลย ทุกคนงงมาก ไม่มีของ ต้องรอนะ เพื่อให้รู้สึกว่าพิเศษ มันคงใหม่ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดีมาก” สลิลทิพย์กล่าวเสริม

     อย่างไรก็ตาม ณิชายอมรับว่า หลังจากสร้างแบรนด์ TROOPERS ผ่านมา 3 ปี ด้วยความหอมหวนของตลาดออนไลน์ทำให้มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ว่ายากในการเริ่มต้นธุรกิจ มาในวันนี้การทำการตลาดกลับยิ่งยากไปอีก ด้วยเหตุนี้สลิลทิพย์บอกว่า จึงต้องวางกลยุทธ์ด้วยการหาพันธมิตรมาสนับสนุนการทำการตลาด รวมถึงการปรับตัวเกาะกระแสไปกับแฟชั่นด้วย

     “ด้วยตอนนี้มีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น ตลาดเปลี่ยนสิ่งที่เราเคยทำอาจจะใช้ไม่ได้ผลแล้วในวันนี้ ดังนั้น จากที่เราเคยคิดคนเดียวทำคนเดียว ก็มาทำเรื่องของการ Collaborate กับคนอื่น เพื่อทำให้สินค้าเรามีมูลค่ามากขึ้น หรือเปิดช่องทางให้เรามีกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้น เช่น ที่ได้ทำไปแล้วคือ การทำโปรโมชันพิเศษร่วมกับ Bookpacker ซึ่งเป็นสมุดท่องเที่ยว ซื้อหนังสือ Bookpacker พร้อมกระเป๋า TROOPERS ในราคาพิเศษ ซึ่งการที่เราจะทำ Collaborate เราเลือกโปรดักต์ที่ใกล้เคียงกับเรา เพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูชัดเจนมากขึ้น ซึ่ง Win-Win ทั้งคู่ ขณะเดียวกันก็พยายามทำคอนเทนต์ให้รู้สึกว่าเรายังใหม่ด้วย หรือบางทีก็ต้องเกาะไปตามกระแสแฟชั่น เช่น ช่วงนี้คนฮิตมินิมอลกัน แต่เรา TROOPERS เป็นอะไรที่สีสันมาก เราก็ออกเป้ที่เป็นสีขาว-ดำ ใบเล็กลง หรือทำรูปเซ็ตออกมาให้ดูเป็นมินิมอล แต่ก็ยังคงความเป็นตัวเองอยู่ด้วย”

     ในวันนี้ TROOPERS นอกจากมีจำหน่ายผ่านทางออนไลน์แล้ว ยังมีวางจำหน่ายที่ร้าน CAMP สยามสแควร์ ซอย 5 และร้าน happening หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งณิชาบอกว่า ตอนนี้ยอดขายระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์สัดส่วนอยู่ที่ 70:30 แต่ที่จำเป็นต้องมีวางจำหน่ายที่ร้าน ไม่ใช่เพื่อเพิ่มยอดขาย หากแต่เป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้เห็นได้ไปลองสินค้าจริง จากนั้นอาจจะกลับมาซื้อที่ออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีการส่งออก TROOPERS ผ่านตัวแทนจำหน่ายไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยเป้าหมายต่อไปนั้นคือ การส่งออกไปยังไต้หวันและฮ่องกง ที่สำคัญยังเตรียมขยายโปรดักต์ใหม่ ที่ยังคงคอนเซปต์เพื่อนเดินทางเช่นเดิมอีกด้วย   
 
     FB : Troopers_official 
     IG : Troopers_official
     E-mail : troopers.official@gmail.com
     Line : @troopers 
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี