Q-Life

Duck Syndrome ภาวะเหน็ดเหนื่อยของคนยุคใหม่ที่ปากบอกไหวแต่ในใจน้ำตาไหลเป็นสายน้ำ

Text : Yuwadi.s




     คุณลองนึกภาพเป็ดเวลาลอยตัวเหนือน้ำ พวกมันดูเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ดูราบรื่น ทุกอย่างดูสมูธไปเสียหมด แต่ถ้ามองดิ่งลึกลงไปใต้น้ำ คุณจะเห็นเท้าของเป็ดที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้พวกมันสามารถลอยตัวได้! และนี่คือการเปรียบเปรยภาวะการณ์ของคนยุคใหม่ที่เรียกว่า ‘Duck Syndrome’




     ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ใครจะรู้ว่าในใจทุกข์ระทมแค่ไหน อาการ Duck Syndrome นี้เคยถูกพูดถึงในกลุ่มของนักศึกษามหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งจะเปลี่ยนผ่านจากช่วง High School ซึ่งมีหลายคนที่ปรับตัวไม่ได้และแหลกสลายอยู่ในจิตใจจนถึงขั้นจบชีวิตตัวเองลง โดย Stanford University คือผู้ที่ใช้คำว่า Duck Syndrome เพื่อบ่งบอกถึงอาการดังกล่าวของนักศึกษา 


     เหตุผลสำคัญที่อาจทำให้เกิดอาการ Duck Syndrome นั่นเป็นเพราะความกดดันทั้งจากโลกภายนอกและจากจิตใจภายใน เนื่องจากคนยุคนี้มักจะประสบความสำเร็จกันอย่างรวดเร็วทั้งยังโพสต์ชีวิตดีๆ ของตนเองกันผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดความกดดันขึ้นภายในจิตใจของใครหลายคน ‘ทำไมฉันไม่มีชีวิตดีๆ แบบเขา’ ‘ทำไมฉันไม่ประสบความสำเร็จแบบเขา’ ‘ทำไมเรายังอยู่ตรงนี้’ ซึ่งสภาวะดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับนักศึกษาเท่านั้นแต่ยังเกิดขึ้นกับชีวิตของผู้ประกอบการด้วย 




     เนื่องจากการทำธุรกิจนั้นมีความกดดันสูงทั้งยังมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะต้องประสบความสำเร็จ ยิ่งในตอนนี้ที่มีสื่อมากมายคอยฉายภาพธุรกิจที่ประสบความสำเร็จยิ่งทำให้เกิดกดดันได้มากขึ้น นอกจากนี้การทำธุรกิจที่ต้องเน้นการขายตลอดเวลา พวกเขาจะต้องปกปิดจุดอ่อนของตัวเอง ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสเพื่อโน้มน้าวให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ พวกเขาต้องแสดงออกว่าตัวเองแข็งแกร่ง แต่ใครจะรู้ว่าจิตใจข้างในนั้นเหน็ดเหนื่อยและท้อเพียงใด 


 
  • เราจะจัดการกับความรู้สึกนี้ได้อย่างไร?
 
เราไม่ได้เผชิญกับเรื่องนี้เพียงลำพัง 

     เมื่อไรก็ตามที่ธุรกิจของคุณกำลังเจอกับปัญหาหรือตัวของคุณกำลังปั่นป่วนภายในจิตใจทั้งความเครียด ความกดดัน มองไปทางไหนก็เจอแต่คนที่ประสบความสำเร็จหรือมีแต่คนเก่งๆ อยู่รอบตัว ให้ลองพลิกมุมกลับว่าแท้จริงแล้ว เบื้องหลังของความสำเร็จนั้นก็เต็มไปด้วยปัญหาและอุปสรรคมากมายเช่นกัน เพียงแค่เขาไม่ได้แสดงออกมาให้ใครเห็น เช่นเดียวกันกับคุณ ที่ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ในใจรวดร้าว ซึ่งคุณก็อาจจะไม่ได้แสดงออกถึงด้านอ่อนแอให้ใครเห็นเช่นกัน นอกจากนี้คนที่ประสบความสำเร็จก็อาจจะเจอภาวกดดันนี้ไม่แพ้คุณ อีกทั้งยังต้องทำงานหนัก ต้องแบกรับความรับผิดชอบมากมาย แม้ว่าจะไม่สามารถวัดได้ว่าใครทุกข์กว่า แต่ทุกข์คนต่างก็มีเรื่องทุกข์ใจเช่นเดียวกัน 

 
ยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง 

     บางคนมักจะหลบซ่อนความรู้สึกของตัวเอง แม้ว่าข้างในทุกข์ใจแค่ไหนก็ไม่บอกให้ใครรู้ ซึ่งกับเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวก็เหมือนการที่คุณอัดลมเข้าไปในลูกบอล นานวันก็ยิ่งพองใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนในที่สุดก็อาจจะระเบิดได้ แต่ถ้าคุณยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง ไม่ปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง ยอมให้ตัวเองอ่อนแอบ้าง เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน คุณก็จะสามารถก้าวผ่านความรู้สึกนี้ไปได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น 

 
เวลาในการผลิบานของเราไม่เท่ากัน 

     อย่ามองความสำเร็จของคนอื่นเพื่อบั่นทอนเราเอง เพราะเราทุกคนมีช่วงเวลาของการผลิบานที่ไม่เท่ากัน เหมือนดอกไม้ จากหนังสือเพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวดมีข้อความที่น่าสนใจว่า … ดอกไม้แต่ละชนิดผลิบานในฤดูกาลของมันเอง ตอนนี้อาจยังไม่ถึงช่วงเวลาของ​คุณ อาจสายไปหน่อยเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่ถ้าฤดูนั้นมาถึง คุณจะงดงามไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่น… 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup