
ต้องระวัง! ค่าใช้จ่ายส่วนตัว จะย้อนกลับมาเล่นงานธุรกิจได้อย่างไร

หลายๆ คนอาจคิดว่าเมื่อแยกเงินส่วนตัวกับเงินที่ใช้ในการทำธุรกิจออกจากกันแล้ว เมื่อเงินส่วนใดเกิดสะดุดขึ้นมาก็จะไม่กระทบกับเงินอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งในทางทฤษฎีอาจเป็นแบบนั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้วไม่ใช่เลย เพราะถึงแม้ว่าธุรกิจจะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่เรากลับใช้จ่ายเงินส่วนตัวโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง จนแทบจะไม่มีเงินเก็บเงินออมเลย ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจในภาพรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น
1. ขาดอำนาจในการกู้เงิน
นี่คือเหตุผลที่ชัดเจนและสำคัญเลยทีเดียว เพราะถ้าเรามี Credit Score ไม่ดีอันเนื่องมาจากหนี้สิน ชำระเงินไม่ตรงเวลา หรือไม่สามารถชำระเงินจากใบแจ้งหนี้ได้ ทั้งหมดนี้จะทำให้เราถูกลด Credit Score ส่งผลให้เมื่อเรามีความจำเป็นต้องทำบัตรเครดิตหรือกู้เงินเพื่อนำไปพัฒนาหรือแม้แต่นำไปต่อลมหายใจให้ธุรกิจ ก็จะถูกปฏิเสธได้โดยง่าย
2. ทำสัญญาต่างๆ ยาก
ลองนึกถึงตอนที่เราจะเช่าซื้อรถยนต์หรือคอนโดมิเนียมราคาหลักแสนหรือหลักล้านดู เจ้าของธุรกิจเหล่านั้นย่อมต้องตรวจสอบความสามารถด้านการจ่ายเงิน หรือตรวจสอบ Credit Score ของเรา ซึ่งถ้าเรามี Credit Score ที่ไม่ดี ย่อมต้องถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน
เหตุผลที่สอดคล้องกับการทำธุรกิจคือ เมื่อเราต้องการเช่าออฟฟิศ ออฟฟิศครบวงจร เช่าอุปกรณ์ในการทำธุรกิจ หรือมีแผนการใช้จ่ายเพื่อพัฒนาธุรกิจในด้านอื่นๆ ก็จะประสบปัญหาในการหาเอกสารมาทำสัญญาได้ ดังนั้น ทางรอดคือการหาหุ้นส่วนทางธุรกิจ ยืมเงินจากเพื่อน คนในครอบครัว หรือสถาบันทางการเงิน ไปจนถึงการกู้เงินนอกระบบ (ซึ่งก็จะประสบปัญหาตามข้อ 1 อีก) สุดท้ายก็ต้องมองหาทำเลอื่นที่มีราคาถูกกว่า เล็กกว่า อุปกรณ์มือสอง เช่าใช้เป็นรายเดือน ฯลฯ เป็นต้น
3. จิตใจไม่เป็นสุข และตัดสินใจผิดพลาด
สุดท้ายการใช้ชีวิตจมอยู่กับหนี้สิน หรือไม่มีเงินไปจ่ายใบแจ้งหนี้ต่างๆ ได้ทันตามเวลา จนเกิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ย่อมทำให้เราเกิดความเครียด ส่งผลกระทบต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือทำให้นอนไม่หลับ จนขาดสมาธิในการทำงานหรือทำธุรกิจ
ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ อาจทำให้เราสูญเสียการตัดสินใจที่เฉียบคม และตัดสินใจผิดพลาด เช่น การขึ้นเงินเดือนให้กับตัวเองแบบก้าวกระโดดเพื่อนำเงินที่ได้ไปจ่ายหนี้สิน หรือนำธุรกิจไปเป็นหลักประกันให้กับหนี้สินส่วนตัว จนลืมคิดไปว่า สิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดและอนาคตของธุรกิจอย่างไรบ้าง
แล้วจะทำอย่างไรให้ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอยู่ภายใต้การควบคุม?
- กำหนดงบประมาณการใช้จ่ายขึ้นมา และพยายามใช้ไม่ให้เกินวงเงิน รวมถึงตรวจสอบค่าใช้จ่ายทุกเดือนเพื่อตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป
- ชำระใบแจ้งหนี้ให้ตรงเวลา ในกรณีที่ใช้บัตรเครดิต ควรใช้วิธีหักเงินผ่านบัญชีธนาคาร โดยฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายและหักผ่านบัญชีนั้นๆ โดยเฉพาะ
- ตรวจสอบค่าใช้จ่ายทางบัตรเครดิตและใบแจ้งหนี้ให้รอบคอบทุกเดือน เพราะบางครั้งอาจมีรายจ่ายที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว เช่น ค่าสมาชิก หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรไปใช้
- อย่าทำสัญญาค้ำประกันให้กับคนที่เราไม่มั่นใจว่าจะสามารถชำระหนี้ได้ เพราะอาจทำให้เกิดหนี้อันมหาศาลขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
- พยายามทำให้หนี้สินลดลงอย่างต่อเนื่องทุกเดือน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup