Finanace

คนทำธุรกิจต้องรู้! ทำความเข้าใจเรื่องกำไร-ขาดทุนทางบัญชี ทำยังไงไม่ให้เข้าเนื้อ

 

     ผู้ประกอบธุรกิจที่มีการนำเข้า-ส่งออกสินค้า หรือมีการนำเงินทุนของบริษัทไปลงทุนอาจจะเคยได้ยินคำว่า กำไรหรือขาดทุนทางบัญชีกันมาบ้าง บทความนี้จะมาทำความเข้าใจ 2 คำนี้ว่ามีผลต่อการเงินของกิจการอย่างไร

 

 

     ก่อนอื่นต้องเข้าใจหลักการบันทึกบัญชีพื้นฐานเสียก่อน การที่จะบันทึกผลกำไรหรือขาดทุน จะต้องเกิดธุรกรรมครบทั้งสองฝั่งคือ ผู้ขายทำการขายสินค้าให้กับผู้ซื้อ และผู้ซื้อทำการจ่ายเงินให้กับผู้ขายเสร็จเรียบร้อย เมื่อคำนวณแล้วว่ายอดสั่งซื้อที่เข้ามามีมูลค่ามากกว่าต้นทุนที่ผู้ขายมีก็จะบันทึกว่ามีผลกำไร แต่ถ้ายอดสั่งซื้อที่เข้ามามีน้อยกว่าต้นทุนก็จะบันทึกผลว่าขาดทุน

     แต่ถ้าหากธุรกรรมของทั้งสองฝั่งยังไม่สมบูรณ์ กล่าวคือ มูลค่าของสินค้าที่ทำการส่งมอบยังไม่สิ้นสุดลง ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าธุรกรรมเสร็จสิ้น จึงทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าผลกำไรหรือขาดทุนทางบัญชี

 

 

     กล่าวคือ ผลกำไรหรือขาดทุนทางบัญชียังไม่ถือว่าเป็นผลกำไรหรือขาดทุนที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น บริษัทมีการเข้าไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ด้วยราคาต้นทุน 1 ล้านบาท แต่พอเวลาผ่านไปมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ มีมูลค่าเหลือ 800,000 บาท เท่ากับว่าเกิดการด้อยมูลค่าไป 200,000 บาท 

     แต่บริษัทยังไม่ได้ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ลงทุนไป เท่ากับว่าธุรกรรมยังไม่สมบูรณ์ กรณีแบบนี้เมื่อผ่านช่วงเวลาที่ต้องบันทึกบัญชีก็จะลงรายละเอียดว่ายังมีผลขาดทุนทางบัญชีอยู่ 200,000 บาท จนกว่าจะมีการขายอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ ไป และมีผลขาดทุนหรือกำไรจริงถึงจะระบุตัวเลขในบัญชี

     แม้ว่าจะยังระบุว่าเป็นผลขาดทุนทางบัญชีแต่เมื่อมีการคำนวณกำไรในบรรทัดสุดท้ายจะยังต้องระบุว่าเป็นผลขาดทุนไปก่อน เมื่อการบันทึกบัญชีครั้งต่อไปถ้าหากมีกำไรก็จะระบุว่ามีกำไรทางบัญชีกลับคืน

     ทั้งนี้ผลกำไร-ขาดทุนทางบัญชีสามารถเกิดขึ้นได้กับสินทรัพย์อย่างเช่น สกุลเงินตราต่างประเทศ สินทรัพย์การลงทุนหรือสิ่งใดก็ตามแต่ที่มูลค่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามราคาตลาด

 

 

     โดยหลักการแล้วการบันทึกผลกำไร-ขาดทุนทางบัญชีจะทำการบันทึกมูลค่าเมื่อถึงวันสุดท้ายของการจัดทำบัญชี ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงได้ เนื่องจากหลังสรุปตัวเลขผลกำไร-ขาดทุนกว่าจะถึงวันที่สรุปตัวเลขอีกครั้ง มูลค่าของสินทรัพย์อาจจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญได้

     นอกจากเรื่องของมูลค่าหรือราคาตลาดแล้ว สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกยังอาจมีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้เกิดผลกำไร-ขาดทุนทางบัญชีได้เช่นกัน ผู้ที่จะประเมินมูลค่ากิจการจึงต้องลงรายละเอียดในส่วนของตัวเลขทางบัญชีอย่างละเอียด

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup