น้ำมันแพง วัตถุดิบแพง ต้นทุนแพง ทุกอย่างกำลังแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือราคาปลาที่พุ่งขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะปลาแซลมอน สิ่งที่ตามมาคือร้านอาหารที่ขายปลาแซลมอนหรือปลานำเข้าก็ได้รับผลกระทบแบบหนักหนาสาหัส หลายร้านต้องพักการขายและปิดตัวลงชั่วคราวเพราะเปิดขายไปไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย หลายร้านขาดทุนติดต่อกันหลายเดือน วันนี้จะพาคุณไปส่องวิกฤตินี้พร้อมวิธีรับมือที่หลายร้านกำลังใช้กัน

• เกิดอะไรขึ้น ทำไมราคาปลาแซลมอนถึงพุ่งไม่หยุด

     ก่อนอื่น เรามาลองดูสาเหตุที่ราคาปลาพุ่งสูงขึ้น อ้างอิงจากข้อมูลร้าน SalmonFarm By ม่อนอ้วน ที่ขายปลาแซลมอนเดลิเวอรี โดยเน้นปลาแซลมอนนอร์เวย์สดนำเข้า ได้ออกมาจากโพสต์ข้อมูลว่าทำไมราคาปลาถึงสูงขึ้น โดยมีหลายสาเหตุด้วยกัน

1.ผลผลิตไม่เพียงพอต่อ Demand ของตลาด โดยหลังจากเทศกาลอีสเตอร์ Demand ทางทั่วโลก ก็ยังคงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ

2.ค่าใช้จ่ายในการขนส่งปรับตัวขึ้นสูงจากความขัดแย้งสงครามที่มีผลกระทบอยู่ในปัจจุบันในด้านของการโดนลด Flight บิน บินอ้อมจากภาวะสงคราม ค่าน้ำมันในทางยุโรปที่ปรับขึ้น

3.ในปัจจุบันทาง Europe ยังคงอยู่ในฤดูหนาว ทำให้การเจริญเติบโตของปลาลดลงและช้าลง เพราะอุณหภูมิเย็นจัดจนเกินไป โดยนอร์เวย์จะเข้าสู่ฤดูร้อน ในช่วงเดือนกรกฎาคมของปี ซึ่งอาจจะทำให้ฟาร์มสามารถทำประมงได้จำนวนปลามากขึ้น เพราะอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสม จึงคาดการณ์ว่าราคาจะสูงอย่างนี้  และอาจเกิดขาด supply ของปลาในช่วง 1-2 เดือนต่อจากนี้ และยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น

     นอกจากนี้ทางร้านยังเสริมต่อว่าตั้งแต่เปิดร้านมาระยะเวลา 7 ปี ยังไม่เคยเจอกับเหตุการณ์ที่ต้นทุนพุ่งสูงแบบก้าวกระโดดเหมือนครั้งนี้มาก่อน เรียกได้ว่ากระทบกับหลายธุรกิจเป็นอย่างมาก

• ปรับตัวอย่างไรในช่วงเวลาที่ราคาปลาสูงขึ้น

1.ปรับลดสินค้า มาเป็นปลาที่จับต้องได้

     ในช่วงที่แซลมอนราคาแพงมาก หลายร้านมีการหันมาใช้ปลาฟยอร์ดเทราต์ (Fjord trout) ที่มีราคาถูกกว่าปลาแซลมอนในลักษณะและรสชาติที่ใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถเปิดร้านต่อไปได้เพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ปลาแซลมอน

2.เพิ่มเมนูที่หลากหลาย

     นอกจากการเปลี่ยนสายพันธุ์ปลา จากแซลมอนมาสู่ฟยอร์ดเทราต์แล้ว บางร้านยังใช้วิธีการเพิ่มเมนู จากที่เคยปลาซาซิมิเพียงอย่างเดียวก็หันมาเพิ่มเมนูที่หลากหลายเพื่อทำให้ร้านมียอดขายเพิ่มขึ้น อาทิ เมนูกุ้งดอง ปูดอง ทำเค้กปลาแซลมอน เป็นต้น