3 ไอเดียสุดปัง เพิ่มยอดขายเป็นกอบเป็นกำช่วงเทศกาล
ช่วงเทศกาลเปรียบเสมือนช่วงเวลาน้ำขึ้น ที่เหล่าสตาร์ทอัพควรรีบตักตวงให้เต็มที่ สถิติจาก Statista ระบุว่า ยอดขายช่วงเทศกาลเติบโตขึ้นต่อเนื่องทุกปี คาดการณ์ยอดขายช่วงเทศกาลของประเทศสหรัฐอเมริกาในปีนี้จะเติบโตประมาณ 8.5% จากปีก่อน ไม่แปลกใจที่หลายๆแบรนด์ดัง โดยเฉพาะกลุ่ม Retail รีบกักตุนสินค้าในสต๊อคให้พร้อมขายช่วงเทศกาล วันนี้เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมขายของช่วงเทศกาลให้ปัง เรารวม 4 ไอเดีย เพิ่มยอดขายสำหรับเป็นแนวทาง
1.แพคเกจจิ้งใหม่สุดปังพลังเพิ่มยอดขาย
แพคเกจจิ้งที่สะดุดตาทำให้สินค้าโดดเด่นและดึงดูดความน่าสนใจ ยิ่งเพคเกจจิ้งที่ออกแบบให้เข้ากับช่วงเทศกาลต่างๆ ช่วยเชื่อมโยงสินค้าเข้ากับลูกค้า เพราะอย่าลืมว่าการซื้อสินค้าถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และความรู้สึกเป็นหลัก หากแพคเกจจิ้งเข้าตาก็เพิ่มโอกาสคว้าเงินในกระเป๋าลูกค้า
ตัวอย่าง สตาร์ทอัพเห็นโอกาสจากความสำคัญของแพคกิจจิ้ง Pluumo หาช่องว่างของตลาดแพคเกจจิ้ง โดยมองว่าช่วงเทศกาลหลายๆแบรนด์จะลงทุนสร้างแพคเกจจิ้งพิเศษในช่วงเทศกาลซึ่งอาจกลายเป็นขยะในอนาคต Pluumo เลยเสนอแพคเกจจิ้งรักโลกที่ทำจากเศษวัสดุเหลือใช้ ปัจจุบันหลายแบรนด์โดยเฉพาะแบรนด์ด้านอาหารหันมาใช้เพคเกจจิ้งรักโลกของ Plummo
2.โปรโมชั่นช่วงเทศกาลคิดยังไงให้ปัง
โปรโมชั่นช่วงเทศกาลต้องเร้าใจและรู้สึกพิเศษกว่าโปรโมชั่นอื่นๆ ถึงจะดึงความสนใจได้ โปรโมชั่นที่พิเศษไม่ได้หมายความว่าลดเยอะ แต่อาจมีลูกเล่นอื่นๆ ที่ลูกค้าหาในช่วงอื่นไม่ได้ นอกจากนั้นโปรโมชั่นควรมีระยะเวลาที่จำกัด เพื่อกระตุ้นให้คนรีบตัดสินใจ ช่องทางแต่ละช่องทางอาจมีโปรโมชั่นที่แตกต่างออกไปได้ เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มคนแต่ละคน
ดังนั้นการคิดโปรโมชั่นที่ดี ต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ในมือเสียก่อน
ยกตัวอย่าง Grab จะมีโปรโมชั่นช่วงเทศกาลของแต่ละคนแตกต่างกันออกไปและแตกต่างกันคนละช่วงเวลาโดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าบนแอพลิเคชั่น
3.จับมือกันเสียงดังกว่า
หากเราเป็นธุรกิจเล็กๆ งบการตลาดไม่มาก แนะนำให้มองหาพันธมิตรมาสร้างแคมเปญร่วมกันเพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสาร และคนติดตาม ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์รองเท้าอาจกับคู่กับแบรนด์เสื้อผ้า และกระเป๋าเพื่อทำ Co-Promotion ร่วมกัน หรือแบรนด์อาหารเสริม อาจลองจับคู่กับแบรนด์รองเท้าและอุปกรณ์กีฬา ทำแคมเปญดูแลสุขภาพสำหรับคนใส่ใจสุขภาพ สิ่งสำคัญในการทำแคมเปญร่วมกันคือ การหาพันธมิตรที่มีภาพลักษณ์สอดคล้องกับธุรกิจของเรา และมีกลุ่มลูกค้าที่เรามองหาอยู่
ยกตัวอย่าง กรณี GoPro จับมือกับ RedBull ในโปรเจกต์ดิ่งพสุธา ที่ให้ Felix Baumgartner ดิ่งพสุธาจากความสูง 24 ไมล์ลงมายังโลก โดยถ่ายทอดสด Live ด้วย GoPro แคมเปญนี้ทั้ง GoPro และ RedBull ได้จับกลุ่มลูกค้าที่ชอบกิจกรรมโลดโผนเหมือนกันแทนที่จะเสียเงินสร้างแคมเปญคนเดียวก็หารค่าใช้จ่ายกันทำแคมเปญดีกว่า
เทศกาลที่ใกล้จะมาถึงอย่าลืมหยิบ 3 ไอเดียสุดปัง มาเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของทุกคนกันนะคะ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup