กรมพัฒน์เร่งยกระดับโลจิสติกส์แข่ง AEC

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดตัวโครงการ “ยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ สู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพปี 2556” ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 6 เพื่อสร้างความพร้อมให้ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ไทยก้าวสู่การแข่งขันใน AEC ได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง

 


กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  เปิดตัวโครงการ “ยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ สู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพปี 2556”  ณ  ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชั้น 6 เพื่อสร้างความพร้อมให้ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ไทยก้าวสู่การแข่งขันใน AEC ได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง
 
นายอิทธิพล  ช้างหลำ  รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า  ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะธุรกิจโลจิสติกส์หมายรวมถึงธุรกิจให้บริการขนส่งและขนถ่ายสินค้า  บริการคลังสินค้า  ธุรกิจตัวแทนออกของพิธีการทางศุลกากร และธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ  ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ   การดำเนินงานให้กับธุรกิจภาคอื่นๆ   ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 16,000 ราย ในประเทศไทย  มีทุนจดทะเบียนกว่า 234,000  ล้านบาท  และสามารถสร้างรายได้กว่า 820,000  ล้านบาทต่อปี

การเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน   ให้ผู้ประกอบธุรกิจจึงเป็นภารกิจที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าต้องเร่งดำเนินการโดยเร็วภายใต้แนวทาง 3  ขั้นตอน คือ (1) เสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจ (2) ยกระดับคุณภาพมาตรฐานสู่มาตรฐานสากลและเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพ  (3) สร้างโอกาสทางการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ การยกระดับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์สู่มาตรฐานสากล  จึงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างโอกาสทางการตลาด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจได้รับความน่าเชื่อถือและการยอมรับจากคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ  

ทั้งนี้ได้การเสวนาในหัวข้อ “ประสบการณ์และมุมมองจากการพัฒนาระบบบริหารจัดการสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพ” จากผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพจากกรมแล้ว เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองและถ่ายทอดประสบการณ์ ปัญหา อุปสรรคในการพัฒนาระบบบริหารจัดการ และเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านความมุ่งมั่นพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพและสามารถแข่งขันในเวทีการค้าเสรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และการสัมมนาหัวข้อ “การยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์สู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพ”  ซึ่งกรมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์สูงสุด และสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น”

NEWS & TRENDS