ดร.ธนิต โสรัตน์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานสัมมนาฯ เรื่อง เปิดโอกาสการลงทุนนักธุรกิจไทยในประเทศเพื่อนบ้าน ในหัวข้อ มิติการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกับโอกาสของธุรกิจไทย ว่า กลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนลาว พม่า และเวียดนาม ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบประเทศอื่น เนื่องจากภูมิประเทศของไทยอยู่ตรงกลางระหว่างประเทศเหล่านั้น และมีพื้นที่ตามแนวชายแดนติดกัน โดยพม่า ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพทั้งด้านพื้นที่และประชากร ที่เหมาะกับการเข้าไปลงทุน และเป็นตลาดที่สำคัญในอนาคต เนื่องจากเป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ มีศักยภาพต่อการลงทุนทั้งด้านอุตสาหกรรม บริการ การค้าขาย และการเกษตรทุกประเภท แต่พม่าก็มีปัญหาด้านการขาดแคลนไฟฟ้า
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง ภาพรวมการลงทุน ในปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ว่า มีนักลงทุนมาขอยื่นรับส่งเสริม จำนวน 2,582 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่า มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ และตั้งแต่มีการจัดตั้ง บีโอไอ โดยจำนวนโครงการปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7 เมื่อเทียบกับปี 2554 มี 1,990 โครงการ ส่วนด้านมูลค่าเงินลงทุน เพิ่มร้อยละ 131 เมื่อเทียบกับปี 2554 มีมูลค่าลงทุน 634,200 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังทำให้การจ้างงานเพิ่มขึ้น ร้อยละ 61.6 หรือ 348,866 คน โดยประเทศที่มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดคือ ประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ โครงการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน ปี 2555 มี 2,866 โครงการ มูลค่า 984,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่า มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์เช่นกัน สำหรับกิจกรรมได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนมากที่สุด คือ กลุ่มกิจการบริการและสาธารณูปโภค ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า ปัจจัยที่มีนักลงทุน มาขอรับส่งเสริมการลงทุน เนื่องจาก ศักยภาพของประเทศไทย เหตุการณ์ภัยธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น เศรษฐกิจโลก รวมทั้ง การเปิดใช้เศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558