น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ยืนยันว่านโยบายค่าแรง 300 บาท เป็นประโยชน์ในอนาคต ทั้งเป็นการช่วยเหลือดูแลผู้ใช้แรงงานให้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ และระยะยาวกำลังบริโภคต่างๆ ในประเทศวันนี้ดีขึ้น
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ยืนยันว่านโยบายค่าแรง 300 บาท เป็นประโยชน์ในอนาคต ทั้งเป็นการช่วยเหลือดูแลผู้ใช้แรงงานให้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ และระยะยาวกำลังบริโภคต่างๆ ในประเทศวันนี้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงรอยต่อต้องดูผลกระทบของการปรับตัวควบคู่กันไป ซึ่งวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการในการเยียวยาดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และโรงงานอุตสาหกรรม ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากโครงการขึ้นค่าแรง 300 บาท ของรัฐบาล โดยมาตรการดังกล่าวนั้นจะเป็นการเพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย ดูแลเรื่องอัตราดอกเบี้ย และเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงมาตรการด้านภาษี เพื่อให้อุตสาหกรรมนั้นอยู่ได้ และเน้นให้มีการเพิ่มผลผลิตมากขึ้น ส่วนรายละเอียดเป็นหน้าที่ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ทำหน้าที่ชี้แจง
นอกจากนี้ ได้สั่งการกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรม เข้าไปดูกรณีบางบริษัทที่รู้ว่าเริ่มมีการเลิกจ้าง ก็จะเข้าไปดู แทนที่จะเลิกจ้างแล้วเข้าไปดู รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วย ว่ามีปัญหาอะไร
“วันนี้เราห่วงใยทุกบริษัทที่ได้ทราบข่าวมาว่ากำลังปิดกิจการ แต่คงต้องไปดูเนื้อหารายละเอียดเรื่องผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และได้สั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล เพื่อดูว่าจะเข้าไปช่วยเหลือแบบรายเฉพาะบริษัทอย่างไร” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ การช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทางรัฐบาลได้ตอบรับตามที่ได้ร้องขอมาหลายมาตรการ ซึ่งต้องรอให้รองนายกฯ ไปหารือกับภาคเอกชน และกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีอีกครั้ง ว่ามีอะไรอีกบ้างที่สามารถร่วมมือทำงานต่อไป แต่ระยะยาวต้องมองวิธีการทำอย่างไรให้เอสเอ็มอีสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้น แทนการมองว่าไปลดค่าใช้จ่ายหรือทดแทน เพราะไม่สามารถอยู่ได้ระยะยาว แต่ระยะยาวทำอย่างไรให้อยู่ได้ต่อไปในอนาคต