นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐประกาศปรับขึ้นค่าแรง 300บาทต่อวันทั่วประเทศมีผล 1 ม.ค. 2556 ดังนั้นรัฐบาลก็คงไม่มีเหตุผลที่จะให้เอกชนตรึงราคาสินค้าโดยคาดว่าภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการที่สามารถผลักไปยังราคาสินค้าได้ก็จะเลือกดำเนินการแต่อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดก็ตามซึ่งเฉลี่ยราคาสินค้าปีหน้าจะขยับ5-10%
นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐประกาศปรับขึ้นค่าแรง 300บาทต่อวันทั่วประเทศมีผล 1 ม.ค. 2556 ดังนั้นรัฐบาลก็คงไม่มีเหตุผลที่จะให้เอกชนตรึงราคาสินค้าโดยคาดว่าภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการที่สามารถผลักไปยังราคาสินค้าได้ก็จะเลือกดำเนินการแต่อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดก็ตามซึ่งเฉลี่ยราคาสินค้าปีหน้าจะขยับ5-10%
“ปี 56 รัฐเองคงไม่มีเหตุผลที่จะมาขอไม่ให้ขึ้นราคาไม่ได้ในเมื่อต้นทุนเขาเพิ่มขึ้น แต่การปรับขึ้นราคาเอกชนก็จะมีไม่เท่ากันโดย รายใหญ่ที่มีกำไรมากและแข่งขันไม่สูงก็สามารถปรับราคาได้มาก ส่วนที่แข่งขันสูงก็อาจจะปรับราคาได้น้อยกว่าแต่ที่สุดราคาสินค้าภาพรวมก็มีแนวโน้มสูงขึ้นแน่นอน”นายธนิตกล่าว
สำหรับสิ่งที่ห่วงคือวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs) ซึ่งพบว่ากว่า 75% ของSMEsทั่วประเทศราว 2.3 ล้านรายได้รับผลกระทบตรงจากการขึ้นค่าแรงและยังพบว่าส่วนใหญ่มีกำไรมากสุด 5-6% ขณะที่ต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นรวม 18% หากเอสเอ็มอีรายใดปรับราคาได้ก็จะดำเนินการเพราะนั่นหมายถึงจะทำให้ขาดทุนแต่ถ้าขึ้นไม่ได้ก็อาจต้องรับภาระขาดทุนสะสมและอาจเห็นการปิดกลางได้ในช่วงกลางปี 2556