เอกชนค้านตั้ง "จังหวัดนางรอง"ฉุดเศรษฐกิจบุรีรัมย์

ภาคเอกชนบุรีรัมย์ประสานเสียงออกโรงต้านตั้ง "จังหวัด นางรอง" หอการค้าจังหวัดหวั่นกระทบการลงทุนฉุดเศรษฐกิจทั้งจังหวัดถดถอย ชี้ "นางรอง" เป็น อำเภอหน้าด่าน หากยกฐานะเป็นจังหวัดส่งผล "บุรีรัมย์" เป็นง่อยทันที เพราะเขตธุรกิจอยู่ในพื้นที่จังหวัดตั้งใหม่ ด้านประธานชมรมท่องเที่ยว-โรงแรมจังหวัดอัดยับเอาภาษีประชาชนไปละเลงไม่คุ้ม เผยเตรียมรวมตัวจัดม็อบเคลื่อนไหวหากทางการยังดื้อดึง

 


ภาคเอกชนบุรีรัมย์ประสานเสียงออกโรงต้านตั้ง "จังหวัด นางรอง" หอการค้าจังหวัดหวั่นกระทบการลงทุนฉุดเศรษฐกิจทั้งจังหวัดถดถอย ชี้ "นางรอง" เป็น อำเภอหน้าด่าน หากยกฐานะเป็นจังหวัดส่งผล "บุรีรัมย์" เป็นง่อยทันที เพราะเขตธุรกิจอยู่ในพื้นที่จังหวัดตั้งใหม่ ด้านประธานชมรมท่องเที่ยว-โรงแรมจังหวัดอัดยับเอาภาษีประชาชนไปละเลงไม่คุ้ม เผยเตรียมรวมตัวจัดม็อบเคลื่อนไหวหากทางการยังดื้อดึง

จากกรณีที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ บร 0017.1/18165 ลงวันที่ 10 ต.ค.55 เรื่อง การพิจารณาจัดตั้งจังหวัดนางรอง ส่งไปถึง นายอำเภอนางรอง ชำนิ หนองหงส์ บ้านกรวด เฉลิมพระเกียรติ โนนสุวรรณ ปะคำ หนองกี่ ละหานทราย และนายอำเภอโนนดินแดง พร้อมแนบหลักเกณฑ์การจัดตั้งจังหวัดใหม่ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2524 ไปด้วยนั้น
               
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวีระเดช ตั้งตรงเวชกิจ ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยหากมีการแยกตั้งจังหวัดนางรองออกจากบุรีรัมย์ จะทำให้ธุรกิจการค้า การลงทุนลดลงหรือหดหายไปจากบุรีรัมย์ทันที เพราะนางรองเป็นเส้นทางผ่าน เป็นอำเภอหน้าด่านที่จะเข้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดบุรีรัมย์หมดไปทันที โดยเฉพาะเศรษฐกิจสินค้าด้านการเกษตร เนื่องจากภาคการเกษตรของจังหวัดบุรีรัมย์จะอยู่ในโซนอำเภอที่ขอแยกแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตอ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา หรือแม้แต่ข้าว
               
"เศรษฐกิจของจังหวัดบุรีรัมย์กำลังบูม มีการลงทุนเข้ามาในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจการก่อสร้างด้านอสังหาริมทรัพย์ มีร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั้งในและต่างจังหวัดเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น หากมีการตัดอำเภอของจังหวัดบุรีรัมย์ออกไป 10 อำเภอ ซึ่งล้วนแต่เป็นอำเภอหน้าด่านด้านเศรษฐกิจ ก็จะทำให้บุรีรัมย์เหลืออำเภอที่เป็นพื้นที่ด้านเศรษฐกิจเพียง อ.ลำปลายมาศ, สตึก และ อ.ประโคนชัย เท่านั้น หากไม่รวม อ.เมืองที่เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจของจังหวัดอยู่แล้ว" นายวีระเดช กล่าว
               
ด้านนายวสันต์ เทพนคร ประธานชมรมท่องเที่ยว และผู้ประกอบการโรงแรมจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะให้มีการแยกอำเภอนางรองตั้งเป็นจังหวัดออกจากบุรีรัมย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางมาท่องเที่ยว ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะวนอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัด ได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัด จากการจับจ่ายซื้อของฝาก ของที่ระลึก แหล่งบริการ สถานบันเทิง ร้านอาหาร และเป็นค่าที่พักโรงแรม รีสอร์ทต่างๆ
             
"ไม่สมควรตั้งจังหวัดนางรอง เพราะจะทำให้ประเทศสูญเสียงบประมาณโดยไร้ประโยชน์ เป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนไปทำปู้ยี่ปู้ยำทำไม ไหนจะต้องมีการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ เพิ่มขึ้น ในเมื่อก็มีอยู่ครบถ้วนแล้ว อีกทั้งจะทำให้ศักยภาพของจังหวัดบุรีรัมย์ลดน้อยลงไปอีก เพราะขณะนี้เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่อยู่ลำดับต้นๆของประเทศ" ปธ.ชมรมท่องเที่ยว และผู้ประกอบการโรงแรมจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าว
               
ขณะที่นายสุรศักดิ์ ลิ่มวิไลกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมีการแยกตั้งจังหวัดนางรองออกจากบุรีรัมย์ แม้ว่าจะมีความพร้อมในทุกๆ ด้านก็ตาม เพราะขณะนี้ จ.บุรีรัมย์ มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจค่อนข้างสูง เกิดการจ้างงาน แรงงานมีฝีมือในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ระดับประเทศมองว่าบุรีรัมย์เป็นจังหวัดน่าลงทุนอย่างยิ่ง มีเส้นทางเชื่อมต่ออีสเทิร์นซีบอร์ด
               
"หากมีการแยกจังหวัดนางรอง เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เหล่านี้ ก็จะลดน้อยลงหรืออาจจะหมดไปจากบุรีรัมย์ทันที เพราะส่วนใหญ่ประชาชนจะประกอบอาชีพเกษตรกรรมมากกว่า 80% และอยู่ในพื้นที่ 10 อำเภอ ที่จะแยกตัวออกไปด้วย จึงอยากให้ทุกภาคส่วนมองตรงจุดนี้ด้วย" ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าว
               
ทั้งนี้ มีรายงานว่านักธุรกิจในจังหวัดได้รวมตัวเพื่อคัดค้านการตั้งจังหวัดนางรอง ออกจากจังหวัดบุรีรัมย์ โดยเตรียมจัดมวลชนออกมาเคลื่อนไหวทันทีหากมีการนำเรื่องขึ้นมาหารือในระดับจังหวัด

ที่มา : แนวหน้า

 

NEWS & TRENDS