สสว. เดินสายพัฒนา OTOP มุ่งยกระดับสู่ SME

สสว. เดินหน้ากิจกรรมเพิ่มมูลค่าด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP มุ่งยกระดับ OTOP 4-5 ดาวทั่วประเทศ ด้วยการเสริมความรู้ผู้ประกอบการ และสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์โดยเชื่อมเอกลักษณ์ท้องถิ่น เป้าหมายเพื่อสนองความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมคัดเลือกผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาคๆ 5 ราย เข้าชิงสุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOP Prime ในปลายปีนี้

 

สสว. เดินหน้ากิจกรรมเพิ่มมูลค่าด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP มุ่งยกระดับ OTOP 4-5 ดาวทั่วประเทศ ด้วยการเสริมความรู้ผู้ประกอบการ และสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์โดยเชื่อมเอกลักษณ์ท้องถิ่น เป้าหมายเพื่อสนองความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมคัดเลือกผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาคๆ 5 ราย เข้าชิงสุดยอดผลิตภัณฑ์ OTOP Prime ในปลายปีนี้ 

นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ได้ดำเนินกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP (OTOP NEXT) ภายใต้โครงการยกระดับผู้ประกอบการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แบบบูรณาการ (OTOP PLUS) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีความหลากหลาย มีคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ OTOP อย่างต่อเนื่อง โดย สสว. ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ดำเนินกิจกรรมดังกล่าวในพื้นที่ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ

“การดำเนินงานจะมุ่งยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 4-5 ดาว หรือผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ คัดเลือกผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมการพัฒนาจำนวน 202 ราย การดำเนินงานจะมีการประเมินศักยภาพของผู้ประกอบการให้รู้ถึงจุดเด่น จุดด้อย เพื่อเสริมความรู้ทั้งด้านการบริหารจัดการ คุณภาพมาตรฐาน เพิ่มคุณค่าและสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งเชื่อมโยงวัฒนธรรม ภูมิปัญญาผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้กับสินค้าและบริการ” รักษาการ ผอ.สสว. กล่าว  

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว มีจำนวนรวม 202 ราย แบ่งเป็นภาคกลางและกรุงเทพมหานคร 62 ราย ภาคตะวันออก 11 ราย ภาคเหนือ 46 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 55 ราย และภาคใต้ 28 ราย เมื่อแบ่งเป็นประเภทสินค้า ประกอบด้วย กลุ่มอาหาร 67 ราย เครื่องดื่ม 16 ราย ผ้า เครื่องแต่งกาย 47 ราย ของใช้ของประดับและของตกแต่ง 51 ราย สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร 21 ราย ทั้งนี้ได้มีการลงพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมในแต่ละภูมิภาค เริ่มตั้งแต่วันที่ 3-5 ตุลาคม 2555 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดขอนแก่น และภาคใต้ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 6-8 ตุลาคม 2555 ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ และวันที่ 9-11 ตุลาคม 2555 ภาคกลางและภาคตะวันออก ที่กรุงเทพมหานคร 

ส่วนการดำเนินกิจกรรม OTOP NEXT ในพื้นที่แต่ละภูมิภาค จะประกอบด้วยการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อให้ข้อมูลความรู้ทั้งในเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ แนวคิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันจะมีการปฏิบัติจริงโดยการวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ระหว่าง ผู้ประกอบการ ทีมนักออกแบบ ทีมเครือข่ายภูมิภาค ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาสินค้าต้นแบบ ภายใต้แนวทาง ดังนี้ 1. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีรูปแบบใหม่โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความสวยงามทันสมัย เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบัน 2.การปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้มีประโยชน์ใช้สอยที่แตกต่างจากเดิม 3.การพัฒนาบรรจุภัณฑ์และคุณภาพสินค้า โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จเบื้องต้นในเดือนตุลาคม นี้ 

  “ผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ผ่านกระบวนการเพิ่มมูลค่าด้วยวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และการออกแบบ ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม จะมีการคัดเลือกเพื่อเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาระดับภาคๆ ละ 5 ผลิตภัณฑ์ เพื่อเข้าร่วมประกวด “สุดยอดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนา (OTOP Prime) ระดับประเทศในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ผ่านการบวนการพัฒนาจาก OTOP NEXT จะได้รับโอกาสในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น เข้าร่วมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าระดับประเทศ และระดับภูมิภาค การวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าหรือร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP การจัดทำ Catalogue และการเปิดหน้าร้าน Online เพื่อทำตลาดในระบบ E-Market ฯลฯ”

อย่างไรก็ดี การดำเนินกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ในโครงการยกระดับผู้ประกอบการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์แบบบูรณาการนี้ จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ OTOP และยกระดับจากผู้ผลิตที่ตอบสนองความต้องการระดับท้องถิ่น สู่ผู้ผลิตที่ตอบสนองความต้องการในระดับสากลโดยรักษาอัตลักษณ์และความเชื่อมโยงกับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ©

 

NEWS & TRENDS