บี้รัฐแก้กฎหมายฟอกเงินหวั่นปี 56 ไม่เสร็จไทยม้วย

กกร.ไล่บี้รัฐเร่งแก้กฎหมายให้เสร็จทันปี 56 หวั่นไทยเสียเปรียบกระทบภาคส่งออก


กกร.ไล่บี้รัฐเร่งแก้กฎหมายให้เสร็จทันปี 56 หวั่นไทยเสียเปรียบกระทบภาคส่งออก

นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ตามที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินการมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF ประกาศรายชื่อประเทศไทยอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยง เพราะยังไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการสกัดกั้นการฟอกเงิน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ขอให้รัฐบาลไทยเร่งดำเนินการออกกฎหมาย 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปรามปราบการฟอกเงิน และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก โดยร่าง พ.ร.บ.กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ผ่านการพิจารณาจากสภาฯ วาระที่ 1 ไปแล้ว อยู่ระหว่างรอเข้าสู่การพิจารณาวาระที่ 2 และ 3

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ยังคงมีปัญหาความเห็นของ ส.ส.ที่แตกต่างกันในประเด็นการจัดทำประกาศรายชื่อบุคคล องค์กร นิติบุคคล โดย ส.ส.หลายคนยังมีความเห็นต่างกัน เพราะเห็นว่าอาจมีการเปิดช่องให้มีการกลั่นแกล้งเกิดขึ้น ทำให้ร่าง พ.ร.บ.ปัจจุบัน การจัดทำประกาศรายชื่อ ยังไม่สามารถเป็นไปอย่างรวดเร็วได้ จึงไม่เป็นไปตามมาตรฐานของ FATF

“การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วันนี้ ต้องการให้คณะกรรมาธิการวิสามัญเร่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยหาทางแก้ไขให้ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นไปตามมาตรฐานของ FATF โดยไม่เปิดช่องให้มีการกลั่นแกล้งและไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว โดยร่าง พ.ร.บ.นี้ต้องผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเสร็จสิ้นทั้ง 3 วาระให้ทันภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 56 เพื่อให้ทันกับการประชุม FATF ในครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 56 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

“หากกฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถผ่านการพิจารณาของสภาฯ ได้ทันการประชุมคณะกรรมการ FATF กกร.เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับประเทศไทยมาก เพราะปัจจุบันการส่งออกสินค้าของประเทศไทยมีสัดส่วนคิดเป็น 70 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และหากธุรกรรมทางการเงินไม่สามารถทำได้ จะกลายเป็นอุปสรรคในการนำเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อตราสารนี้จะไม่สามารถทำได้ ย่อมส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจอย่างมาก และสินค้าส่งออกของไทยจะส่งออกไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทางการเกษตรและสินค้าอื่นๆ และในที่สุดจะทำให้นักลงทุนเมื่อเกิดความไม่สะดวกในการทำธุรกิจ จะมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีความสะดวกมากกว่าแทน”

 

NEWS & TRENDS