หนี้เอสเอ็มอีแบงก์พุ่งกระฉูดแตะ 2 หมื่นล้าน ชี้มูลเหตุเจาะหน้าที่ทำงานหละหลวมไม่ติดตามตรวจเยี่ยมลูกหนี้ จี้เร่งขายเอ็นพีเอช่วยเสริมรายได้
หนี้เอสเอ็มอีแบงก์พุ่งกระฉูดแตะ 2 หมื่นล้าน ชี้มูลเหตุเจาะหน้าที่ทำงานหละหลวมไม่ติดตามตรวจเยี่ยมลูกหนี้ จี้เร่งขายเอ็นพีเอช่วยเสริมรายได้
รายงานข่าวจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฟื้นฟูกิจการ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน วางแผนเร่งรัดการแก้ไขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารเป็นการด่วน หลังจากตัวเลขหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 1.5 หมื่นล้านบาท เป็น 2.1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 20% ของหนี้ที่มีอยู่ ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน นอกจากนี้ ยังมีแผนให้เร่งการขายสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) ของธนาคารที่มีอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้ให้กับธนาคารมากขึ้น เพราะหนี้เสียที่สูงขึ้นประกอบกับการปล่อยสินเชื่อที่ได้น้อย ทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) ต่ำลงอยู่ที่ 6% ต่ำกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ต้องไม่ต่ำกว่า 8.5%
ทั้งนี้หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดจากเจ้าหน้าที่และฝ่ายบริหารของธนาคารหละหลวมในการดูแลสินเชื่อไม่ติดตามตรวจเยี่ยมลูกหนี้ ทำให้เกิดหนี้เสียจำนวนมาก และยังพบว่าเจ้าหน้าที่ไม่ติดตามการฟ้องร้องยึดหลักทรัพย์ของลูกหนี้ที่มีปัญหา ทำให้ขาดอายุความทำให้ธนาคารเสียหายมากขึ้น ดังนั้น คณะกรรมการฟื้นฟู ได้ให้ธนาคารเร่งหารายได้ขายสินเชื่อ ลดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีรายรับน้อยกว่าต้นทุน ให้ปรับปรุงการบริหารเอ็นพีเอให้มีประสิทธิภาพเพื่อขายสินทรัพย์ทอดตลาดให้เร็วขึ้น ก่อนหน้านี้ นายโสฬส สาครวิศว อดีตกรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ ถูกคณะกรรมการธนาคารบอกเลิกจ้าง ไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการสรรหา
ด้ายนายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ในฐานะประธานคณะกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ จะเปิดสรรหากรรมการผู้จัดการคนใหม่ เพื่อให้เข้ามาเร่งฟื้นฟูธนาคารตามแผนของคณะกรรมการ ซึ่งต้องปรับทั้งเรื่องการบริหารบุคลากร ด้านการเงิน และผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ที่ทำให้ธนาคารมีรายได้เพิ่มมากขึ้น