"อารักษ์" รมต.พลังงานควันออกหูพบม็อบต้านขึ้นพลังงานของปลอม มั่นใจมีผู้อยู่เบื้องหลัง พร้อมเผยปรับแอลพีจีเป็นกลุ่มไม่เวิร์ค อาจปรับพร้อมกันทั้งกระดาน เชื่อไม่กระทบค่าครองชีพ
"อารักษ์" รมต.พลังงานควันออกหูพบม็อบต้านขึ้นพลังงานของปลอม มั่นใจมีผู้อยู่เบื้องหลัง พร้อมเผยปรับแอลพีจีเป็นกลุ่มไม่เวิร์ค อาจปรับพร้อมกันทั้งกระดาน เชื่อไม่กระทบค่าครองชีพ
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างพลังงานว่า การปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีได้แยกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มขนส่งและครัวเรือน ซึ่งได้เริ่มขยับราคาในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมและขนส่งไปแล้วนั้น แต่เห็นว่าเป็นแนวทางที่ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงมีแนวคิดจะปรับโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ให้เป็นราคาเดียวกัน และปรับไปพร้อมๆ กัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางให้ปรับแอลพีจีเป็นราคาเดียวกันทั้งหมด แต่ต้องมีการชดเชยให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยอาจวัดจากการใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 50 หน่วยต่อเดือนเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยพยายามเร่งดำเนินการให้เป็นราคาเดียวกันภายในต้นปี 2556
“หากราคาแอลพีจีทุกภาคเป็นราคาเดียวกันได้ ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนจะปรับขึ้นอีกประมาณ 100 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม หรือประมาณถังละ 400 บาท ซึ่งหากคำนวณเป็นต้นทุนค่าอาหารจะปรับขึ้นแค่ 50 สตางค์ต่อจาน ดังนั้นการปรับขึ้นราคาจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าอาหารมากนัก” นายอารักษ์กล่าว
ส่วนการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) นั้น ขณะนี้ได้เร่งให้ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ สรุปค่าผ่านท่อให้เสร็จโดยเร็วเพื่อกำหนดราคาเอ็นจีวีต่อไป
สำหรับในกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายภาคประชาชนที่มาปักหลักชุมนุมประท้วงการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคขนส่ง และการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) นั้น เชื่อว่าน่าจะมีเบื้องหลังและวาระซ้อนเร้นในการมาชุมนุม เนื่องจากในวันแรกของการชุมนุม ตนได้เดินลงไปคุยกับชาวบ้านที่มาชุมนุม โดยที่ไม่มีใครทราบว่าเป็น รมต.พลังงาน และทราบว่าชาวบ้านที่มารวมตัวกันเป็นแค่กลุ่มผู้ที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมและไม่ได้มีเป้าหมายที่เรียกร้องยกเลิกการขึ้นราคาพลังงานแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตนไม่ทราบเจตนาของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุม และที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความร้อนกับประชาชน แต่หากเป้าหมายต้องการมาชุมนุมเป็นไปเพื่อต้องการโจมตีให้ตนหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจริง คงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะผู้ชุมนุมไม่ใช่กลุ่มที่เดือดร้อนจริง อีกทั้งหากต้องการได้ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่มาแทนจริง จะรู้ได้อย่างไรว่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่า