นายกอุตฯเครื่องเรือนไทย เตือนเฟอร์นิเจอร์รายเล็ก หากไม่รวมกลุ่มกันเจรจากโรงงานผลิตรายใหญ่ เพื่อขอแบ่งออเดอร์ เสี่ยงปิดกิจการได้ง่าย เหตุออเดอร์ส่วนใหญ่เทให้โรงงานใหญ่ก่อน
นายกอุตฯเครื่องเรือนไทย เตือนเฟอร์นิเจอร์รายเล็ก หากไม่รวมกลุ่มกันเจรจากโรงงานผลิตรายใหญ่ เพื่อขอแบ่งออเดอร์ เสี่ยงปิดกิจการได้ง่าย เหตุออเดอร์ส่วนใหญ่เทให้โรงงานใหญ่ก่อน
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้โรงงานผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ระดับเอสเอ็มอีเร่งปรับตัวรองรับการแข่งขันในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 โดยการรวมกลุ่มไปเจรจากับโรงงานผู้ผลิตรายใหญ่ที่ปัจจุบันมี 10-20% ของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศ 2,500-3,000 ราย เพื่อขอแบ่งคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) มาผลิต เนื่องจากในปัจจุบันลูกค้าจะสั่งออร์เดอร์จากผู้ผลิตรายใหญ่เป็นหลัก ซึ่งหากเอสเอ็มอียังไม่มีการรวมกลุ่มอาจเสี่ยงต่อการปิดกิจการได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม โรงงานเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่คงไม่มีแผนย้ายโรงงานไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเอสเอ็มอีไทยส่วนใหญ่ไม่มีความชำนาญเรื่องการไปตั้งโรงงานต่างประเทศ สำหรับปัญหาเรื่องวัตถุดิบนั้นยอมรับว่าค่อนข้างแพงมาก โดยเฉพาะไม้ยางพาราที่มีราคาผันผวนตั้งแต่ไร่ละ 50,000-100,000 บาท ซึ่งบางช่วงถือว่ามีราคาแพงเกินความจริง หากรัฐบาลไม่มีการควบคุมราคาเชื่อว่าในอนาคตอาจทำให้อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ล่มทั้งระบบได้
ตอนนี้ราคาไม้ยางปรับลดลง เนื่องจากราคาน้ำยางลดลงจากกิโลกรัม (ก.ก.) ละ 100 กว่าบาท ลงมาอยู่ที่ก.ก.ละ 70 บาท แต่ได้ข่าวมาว่าในอนาคตไม้ยางมีแนวโน้มที่จะปรับราคาขึ้นอีก หากเป็นเช่นนี้จะยิ่งทำให้ผู้ประกอบการประสบปัญหาทั้งเรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำที่จะขึ้นทั่วประเทศเป็นวันละ 300 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.2556 รวมถึงวัตถุดิบด้วย
