สรรพากรอัดงบ 2 พันล้านบาท พัฒนาระบบจัดเก็บภาษี มั่นใจ 6 เดือนรู้ผล รีดภาษีเพิ่ม 3-4 แสนล้านบาทต่อปี
สรรพากรอัดงบ 2 พันล้านบาท พัฒนาระบบจัดเก็บภาษี มั่นใจ 6 เดือนรู้ผล รีดภาษีเพิ่ม 3-4 แสนล้านบาทต่อปี
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ 2 พันล้านบาท สำหรับปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ โดยเบื้องต้นได้มีการเสนอให้มีการเพิ่มกำลังพลในส่วนของไอทีให้มากขึ้น เพราะเป็นส่วนที่สำคัญในกระบวนการจัดเก็บภาษี ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการหารือในเบื้องต้นกับกระทรวงการคลังไปแล้ว และได้รับความเห็นชอบในหลักการ
“เบื้องต้นเราจะใช้งบประมาณ 2 พันล้านบาท ในการพัฒนาขั้นตอนการจัดเก็บภาษีที่สำคัญ 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการเชื่อมโยงข้อมูลภาษี และ 2. โครงการบัตรสะสมแต้มในการซื้อสินค้า ซึ่งในส่วนนี้เราได้คิดไว้เบื้องต้นว่าจะให้ประชาชนสามารถนำแต้มที่สะสมมาใช้ลดหย่อนหรือหักภาษีได้ โดยเรื่องนี้คงต้องนำเสนอเกี่ยวกับกระบวนการทำงานที่ชัดเจนให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบก็คงต้องให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องนี้ดูว่าจะสามารถหักลดหย่อนได้ในอัตราเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมและไม่กระทบต่อการจัดเก็บรายได้และฐานะการคลังของประเทศ” นายสาธิตกล่าว
นายสาธิตกล่าวอีกว่า กรมคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนใน 5-6 เดือนข้างหน้า ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการจัดเก็บภาษีได้ถึง 3-4 แสนล้านบาทต่อปี
สำหรับวงเงิน 2 พันล้านบาท ที่จะใช้ในการดำเนินโครงการดังกล่าว คาดว่าน่าจะมาจากการกู้เงินเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้งบประมาณปี 2556 ได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนกระบวนการหลังจากผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังแล้ว ก็จะเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง กำหนดสเปก ทดลองเครื่อง ซึ่งการพัฒนาระบบในส่วนนี้ โดยเฉพาะโครงการบัตรสะสมแต้ม จะทำให้เกิดกระบวนการเชื่อมโยงในระบบภาษีตั้งแต่ภาษีต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ในส่วนของการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของกระทรวงการคลัง โดยกรมได้เสนอแนวทางเบื้องต้น ได้แก่ การลดอัตราการจัดเก็บขั้นสูงสุดลง การขยายอัตราให้ถี่ขึ้น หรือ การขยายอัตราการจัดเก็บขั้นต่ำสุดให้มากขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มการกระจายรายได้