สภาหอการค้าร่วมกับสสว.จัดงานเสริมภูมิให้เอสเอ็มอี หวังสร้างการเชื่อมโยงธุรกิจขยายสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ชี้โอกาสเอสเอ็มอีไทยเปิดกว้าง แข่งขันกับกลุ่มอาเซียนได้
สภาหอการค้าร่วมกับสสว.จัดงานเสริมภูมิให้เอสเอ็มอี หวังสร้างการเชื่อมโยงธุรกิจขยายสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ชี้โอกาสเอสเอ็มอีไทยเปิดกว้าง แข่งขันกับกลุ่มอาเซียนได้
ในการเตรียมรับการเปิดเขตเศรษฐกิจเสรี “ประชาคมเศรฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community, AEC)” ในปี 2558 ว่า นับจากนี้ไป อีก 3 ปี ถือเป็นการเริ่มนับถอยหลังให้กับประเทศไทย เพื่อที่รองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยในปีนี้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดงาน AEC and SMEs Challenges: Next Steps (Phase 3) เพื่อเป็นการเชื่อมโยงธุรกิจเอสเอ็มอีขยายสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community)
ในวันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2555 เวลา 08.00 – 16.30 น. ณ ห้องคริสตัล ฮอล์ล โรงแรม พลาซ่าแอทธินี โดยเน้นการให้ความรู้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ไทย ให้มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องทิศทางธุรกิจภาคบริการ ธุรกิจการท่องเที่ยว และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SMEs ไทยจะเข้าสู่ Supply Chain ได้อย่างไร
โอกาสของเอสเอ็มอีไทย ยังคงเปิดกว้างและพร้อมที่จะเข้าแข่งขันกับประเทศในกลุ่มอาเซียนทั้งหมด โดยเฉพาะธุรกิจการค้าภาคบริการนั้น มีบทบาทความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างจริงจังและเร่งด่วน พร้อมทั้งเสริมสร้างสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีอยู่ให้สามารถพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดความยั่งยืน ดังเช่น ประเทศที่พัฒนาแล้วให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจบริการ เนื่องจากสามารถเพิ่มพูนมูลค่าได้อย่างมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และหากภาครัฐและเอกชนของประเทศมีการบูรณการร่วมกัน ในการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น ย่อมนำไปสู่เป้าหมายทำให้ธุรกิจการค้าภาคบริการ เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่การรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนใน ปี พ.ศ.2558 ตลอดจนสามารถเพิ่มพูนศักยภาพการแข่งขันบูรณาการสู่เศรษฐกิจโลกได้
“ในขณะนี้เศรษฐกิจประเทศไทยกำลังอยู่ในขั้นกำลังพัฒนาและมี GDP ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มจะมีปัญหายุ่งยาก ในการรักษาสภาพการเป็นฐานผลิตที่มีต้นทุนแรงงานราคาต่ำ ด้วยสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในเชิงลบเมื่อมีการเปรียบเทียบระดับค่าแรงงานไร้ฝีมือที่ประเทศอาเซียนอื่น ๆ มีค่าแรงงานต่ำกว่าของประเทศไทย ยกเว้นเพียง มาเลเซีย และสิงคโปร์เท่านั้น ที่มีค่าแรงงานไร้ฝีมือสูงกว่า แต่ทั้งสองประเทศดังกล่าวมีระดับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศไทย โดยทั้งสองประเทศมีภาคการค้าบริการที่พัฒนาไปมากกว่าประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์เปรียบเสมือนประเทศไทยมีสภาพถูกตรึงอยู่ตรงกลาง (Stuck in the Middle) หรือที่เรียกว่ากับดักของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ดังนั้นประเทศไทย จึงควรใช้โอกาสของการเป็น AEC เพื่อเพิ่มโอกาสของประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างไปสู่เศรษฐกิจเพิ่มมูลค่าของผลิตภาพของประเทศที่จำเป็นต้องกำหนดทิศทางอย่างจริงจัง ในการเข้าสู่ AEC ที่มีขนาดตลาดจาก 67 ล้านคน และเพิ่มขึ้น เป็นเกือบ 600 ล้านคน และที่สำคัญกว่านั้นประเทศไทยควรมีการบูรณาการกับกรอบความตกลง ASEAN+3 และ ASEAN+6 ตลอดจนการร่วมพิจารณากับ FTA อื่นๆ ที่กำลังจะตามมาในอนาคตด้วย ”
สำหรับการจัดงาน AEC and SMEs Challenges: Next Steps (Phase 3) ภายในงานจะมี การปาฐกถาพิเศษ โดย ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และการอภิปรายการเจาะลึกภาคธุรกิจบริการ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ จากนักบริหารชั้นนำของประเทศไทยและประเทศพันธมิตรอาเซียน
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมงาน ได้ทางโทรสารหมายเลข 02-622-1883 หรือทางอีเมล์ aecprompt@gmail.com และเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ www.thaichamber.org สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณบารมี/คุณธนันณัฏฐ์ /คุณเบญจพร โทร. 02-622-1860-70 ต่อ 450/451/453