เครื่องหนังไม่หวั่นอียูตัดจีเอสพี เบนเข็มลุยตลาดอาเซียนรับ AEC

เครื่องหนังไทยไม่สะเทือนหลังถูกอียูตัดจีเอสพี เดินหน้าลุยตลาดอาเซียน หวังดันยอดส่งออกปี′58 โต 4%



เครื่องหนังไทยไม่สะเทือนหลังถูกอียูตัดจีเอสพี เดินหน้าลุยตลาดอาเซียน หวังดันยอดส่งออกปี′58 โต 4%

    นายสุริยา ประทีปมโนวงศ์ นายกสมาคมเครื่องหนังไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่สหภาพยุโรปได้ประกาศตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากร (จีเอสพี) เครื่องหนังไทยไปเมื่อต้นปี 2558 ทำให้ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ 10-15% จากเดิมที่จีเอสพีกำหนดอัตราภาษีต่ำเพียง 5-10% ทางสมาคมจึงได้ปรับแผนผลักดันการส่งออกไปยังตลาดอาเซียน เพื่อเตรียมรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2559 โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มการส่งออกตลาดนี้เพิ่มขึ้น 10% เพื่อช่วยทดแทนยอดส่งออกในส่วนของตลาดสหภาพยุโรปซึ่งมีสัดส่วน 10% ของการส่งออกเครื่องหนังทั้งหมด ทั้งนี้ สมาคมตั้งเป้าส่งออกปีนี้ขยายตัวอยู่ที่ 4% หรือมีมูลค่า 1,900 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 2557 ที่มีมูลค่า 1,860 ล้านเหรียญสหรัฐ 

    "ที่ผ่านมา ตลาดสหรัฐเป็นตลาดหลัก สัดส่วน 20% รองลงมาตลาดยุโรป สัดส่วน 10% และตลาดญี่ปุ่น 10% แต่เมื่อกลุ่มประเทศอาเซียนเปิดเสรี จึงเป็นโอกาสที่ดีของไทย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มกระเป๋าสตรี กระเป๋าบุรุษ เข็มขัด เป็นต้น"

    แนวทางการเจาะตลาด ช่วงแรกจะเจาะกลุ่มเวียดนาม เมียนมา ลาว กัมพูชา ซึ่งมีนักลงทุนเข้าไปเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนประชาชนมากจึงมีกำลังซื้อสูง และให้การยอมรับคุณภาพ ฝีมือ ดีไซน์ของไทย โดยสมาคมจะประสานกรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และจัดคณะผู้ประกอบการเดินทางไปเจรจาธุรกิจในเร็ว ๆ นี้ เพื่อสร้างสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จัก และจะได้หาคู่ค้าในต่างประเทศ และอีกด้านหนึ่งผู้ประกอบการจะเข้าหาคู่ค้าช่วยจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องหนังโดยตรง หากสำเร็จมั่นใจว่าการทำตลาดอาเซียนในปี 2559 จะมีโอกาสเติบโต 20% 

    ส่วนแนวโน้มความตลาดส่งออกหลักทั้ง สหรัฐ และสหภาพยุโรป น่าจะปรับตัวดีขึ้น ตามสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว เชื่อจะมีความต้องการสินค้าไทยเพิ่มขึ้น 

    อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่มีผลต่อการส่งออก ยังคงมีปัญหาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน ปัญหาเรื่องของค่าแรง 300 บาทต่อวัน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่หากปรับขึ้นค่าแรงงานอีกครั้งจะกระทบต่อผู้ประกอบการ นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องของปัญหาการเมืองที่ยังคงมีอยู่ ขณะที่ตลาดในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น

ที่มา http://www.prachachat.net/

NEWS & TRENDS