พาณิชย์เตรียมชง บุญทรง ไฟเขียวเกณฑ์ควบรวมกิจการ ป้องกันทุนใหญ่ต่างชาติกลืนรายเล็ก หลังเออีซีมีผลบังคับใช้
พาณิชย์เตรียมชง “บุญทรง” ไฟเขียวเกณฑ์ควบรวมกิจการ ป้องกันทุนใหญ่ต่างชาติกลืนรายเล็ก หลังเออีซีมีผลบังคับใช้
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยในงานสัมมนา ”การรวมธุรกิจ : สร้างความเข้มแข็งหรือการผูกขาด?” เพื่อรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุง พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ว่า ขณะนี้หลายประเทศให้ความสำคัญกับการออกหลักเกณฑ์และปรับปรุงเงื่อนไขของ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า เพื่อใช้ดูแลการเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติหลังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) มีผลบังคับใช้ในปี 2558 เพราะจะทำให้ประเทศในอาเซียนเข้ามาลงทุน และร่วมทุนทำธุรกิจในไทยมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันทำธุรกิจ
ทั้งนี้ ไทยอยู่ระหว่างทบทวนข้อมูลโครงสร้างธุรกิจ และแนวปฏิบัติของต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ควบรวมกิจการภายใต้ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจมีความซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมถึงหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้มา 12 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีเกณฑ์ควบรวมกิจการบังคับใช้ โดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธานเร็วๆ นี้
สำหรับเกณฑ์ควบรวม ได้แก่ 1.ธุรกิจทั่วไปทุกประเภท หลังควบรวมกิจการจะมีส่วนแบ่งการตลาดเกิน 1 ใน 3 และยอดเงินขายตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป และ 2.ธุรกิจการเงิน หลังควบรวมมีส่วนแบ่งการตลาดเกิน 1 ใน 3 และยอดขายตั้งแต่ 100,000 ล้านบาท (รวมยอดขายและยอดปล่อยสินเชื่อของธนาคาร) นอกจากนี้ จะพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบเพิ่มเติมด้วย เช่น จำนวนทุน จำนวนหุ้น หรือจำนวนสินทรัพย์
”เมื่อเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว ธุรกิจใดหากต้องการควบรวมกิจการ และเข้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ซึ่งคณะกรรมการจะอนุมัติหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่กรณี เช่น หากเห็นว่าเมื่อควบรวมกันแล้วไม่ผูกขาดทางธุรกิจมากเกินไป อาจอนุมัติให้ แต่ธุรกิจใดที่ต้องการควบรวม และไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถควบรวมกันเองได้เลย ไม่ต้องขออนุญาต” นายสันติชัยกล่าว.
ที่มา : ไทยโพสต์