ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 2 ใน 3 พร้อมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 51.1 % ต้องการให้รัฐยืดอกรับภาระค่าแรง 40% เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้า
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 2 ใน 3 พร้อมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 51.1 % ต้องการให้รัฐยืดอกรับภาระค่าแรง 40% เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้า
ศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้สำรวจความพร้อมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกี่ยวกับการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ในจังหวัดนำร่อง 7 จังหวัด ได้แก่ ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม และภูเก็ต โดยมีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 512 ราย ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16 ถึง 25 มกราคม 2555 ประเด็นที่ทำการสำรวจ คือ ทัศนคติและความพร้อมในการปรับขึ้นค่าแรง ระดับค่าแรงในช่วงเวลาที่ทำการสำรวจ สัดส่วนของค่าแรงต่อต้นทุนในการทำธุรกิจ มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล มาตรการที่เหมาะสมที่สุดในการบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การปรับตัวในระยะสั้น และการปรับตัวในระยะยาว
ผลการสำรวจพบว่า ณ ช่วงเวลาที่ทำการสำรวจ ผู้ประกอบการ 54.5% จ่ายค่าแรงโดยเฉลี่ยต่ำกว่า 300 บาทต่อวัน 11.2% จ่ายค่าแรงโดยเฉลี่ยเท่ากับ 300 บาท 34.3% จ่ายค่าแรงโดยเฉลี่ยสูงกว่า 300 บาทต่อวัน
สัดส่วนของค่าแรงเทียบกับต้นทุนในการทำธุรกิจ จำแนกตามประเภทของอุตสาหกรรม มีดังนี้ ในภาคการผลิต ค่าแรงคิดเป็น 37.4% ของต้นทุน ภาคการค้าปลีกค้าส่ง ค่าแรงคิดเป็น 42.1% ของต้นทุน และภาคบริการ ค่าแรงคิดเป็น 49.2% ของต้นทุน
จากการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการ 53.4% เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 46.6% ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงความพร้อมในการปรับขึ้นค่าแรงภายในวันที่ 1 เมษายน 2555 ผู้ประกอบการ 66.3% พร้อมทำตามนโยบาย 33.7% ยังไม่พร้อมทำตามนโยบายดังกล่าว
เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุของความไม่พร้อมของผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมในปี 2554 พบว่า 52.1% ธุรกิจยังไม่พื้นตัวอย่างสมบูรณ์ 28.4% คาดการณ์ว่าต้นทุนในการทำธุรกิจในปีนี้จะสูงขึ้น 15.5% ไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจในปี 2555 และอีก 4.0% เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ ยังไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบด้านต้นทุนได้ชัดเจน ไม่แน่ใจว่าจะปรับราคาขึ้นได้มากน้อยเพียงใด เป็นต้น
สำหรับสาเหตุของความไม่พร้อมของผู้ประกอบการที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมในปี 2554 พบว่า 56.3% คาดการณ์ว่าต้นทุนในการทำธุรกิจในปีนี้จะสูงขึ้น 22.7% ไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจ 10.4% ไม่แน่ใจว่าจะปรับราคาขึ้นได้มากน้อยเพียงใด 10.6% เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ ยังไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบด้านต้นทุนได้ชัดเจน เป็นต้น
ด้านการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% ผู้ประกอบการ 49.5% ระบุว่าเพียงพอที่จะชดเชยกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น 50.5% ระบุว่าไม่เพียงพอที่จะชดเชยกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจมีกำไรน้อยอยู่แล้ว โดยอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 15%-20%
เมื่อสอบถามถึงมาตรการที่เหมาะสมที่สุดในการบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ผู้ประกอบการ 51.1 % ระบุว่าการจ่ายเงินอุดหนุนส่วนต่างของค่าแรงที่เกิดขึ้นเป็นมาตรการที่เหมาะสมที่สุด 20.7% การลดภาษีเงินได้ภาษีนิติบุคคล 17.2% ต้องการให้มีจัดการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงาน 10.4% ต้องการให้ลดเงินสมทบเข้าประกันสังคมในส่วนของนายจ้าง อีก 0.6% ต้องการให้ใช้มาตรการอื่นๆ เช่น การส่งเสริมการตลาด พัฒนาความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจ เป็นต้น
สำหรับการปรับตัวในระยะสั้น (ตอบได้ 2 ข้อ) 58.2% ระบุว่า แรงงานต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 39.8% ปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ 35.3% เข้มงวดในการคัดเลือกพนักงานให้มากขึ้น 25.4% ลดช่วงเวลาและค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลา 22.2% ลดต้นทุนการผลิตในส่วนอื่น 15.3% ปรับตัวโดยการรับเหมางานโดยคิดค่าตอบแทนเป็นรายชิ้น และอีก 2.1% เปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่นที่ใช้แรงงานน้อยกว่าหรือเลิกกิจการ
สำหรับการปรับตัวในระยะยาว 45.3% ใช้เครื่องจักรมาแทนแรงงานมากขึ้น 30.7% ลดตำแหน่งงานลงโดยการไม่รับพนักงานใหม่มาแทนตำแหน่งเดิม 19.5% ปรับโครงสร้างของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอีก 4.5% ปรับตัวด้วยวิธีการอื่น เช่น เลิกกิจการ เปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่น หรือ ย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าแรงต่ำกว่า
ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า “มาตรการลดภาษีเป็นมาตรการที่ใช้ได้กับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ที่มีกำไรสูง สำหรับเอสเอ็มอีซึ่งกำไรต่ำ อัตราภาษีที่ ไม่เพียงพออย่างแน่นอน ทำให้เอสเอ็มอีเกือบครึ่งหนึ่งวางแผนบรรเทาผลกระทบด้วยการปรับราคาสินค้า ไม่ช้าก็เร็ว ผลกระทบนี้จะวกกลับมาหาประชาชนในรูปของค่าครองชีพที่สูงขึ้น และผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือผู้ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทนั่นเอง”
อ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ webborad (Member Zone)