แบงก์ชาติชี้ ปี 2555 ค่าเงินผันผวนหนักขึ้นอีก ผลจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้รับผลจากศก.สหรัฐ จีนชะลอตัว และที่หนักสุดคือ วิกฤติหนี้ยุโรปบานปลาย และยังไร้ทางแก้ ยอมรับแบงก์ชาติจะไม่เข้าไปแทรกแซง เหตุต้นทุนสูง แนะหลีกเลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
แบงก์ชาติชี้ ปี 2555 ค่าเงินผันผวนหนักขึ้นอีก ผลจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้รับผลจากศก.สหรัฐ จีนชะลอตัว และที่หนักสุดคือ วิกฤติหนี้ยุโรปบานปลาย และยังไร้ทางแก้ ยอมรับแบงก์ชาติจะไม่เข้าไปแทรกแซง เหตุต้นทุนสูง แนะหลีกเลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีระยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กล่าวถึงแนวโน้มค่าเงินบาทในครึ่งแรกของปี 2555 ว่าทิศทางในการเคลื่อนย้ายเงินทุนของโลก จากผลของวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป และความเปราะบางในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเกิดความวิตกของปัญหาดังกล่าว ทำให้นักลงทุนต่างลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งประเทศไทย ทั้งในตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ถี่ขึ้น และส่งผลให้ค่าเงินสกุลหลักเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงทำให้ค่าเงินแกว่างตัวได้ทั้งอ่อนค่าและแข็งค่า และผันผวนตามปัจจัยภายนอกทำให้ค่าเงินบทในปี2555จะมีการเคลื่อนไหวแกว่งตัวทั้งอ่อนค่าขึ้นและอ่อนค่าในลักษณะผันผวนต่อเนื่องและมากกว่าปี 2554
สำหรับประเทศไทย ผลจากการส่งออกที่ชะลอตัวลง และการเร่งลงทุนในทองคำเมื่อราคาลดลง ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้าย และกิจกรรมในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนของไทยลดลงจากปี 2553 ขณะที่ค่าเงินบาททั้งปีอ่อนค่าลง 4.7 % แต่ความผันผวนอ่อนค่า และแข็งค่าขึ้นลงในระหว่างปี 2554 มีมากขึ้นกว่าปี 2553 ทำให้ในปี2555 เป็นปีที่ นักลงทุนต้องใช้ทฤษฎีของการป้องกันตัวเอง คือไม่ไปอยู่ หรือลงทุนในที่ที่มีความเสี่ยง และต้องเปิดหูเปิดตา คอยติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้น และมีการบริหารความเสี่ยงให้ดี เพื่อรองรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นจากค่าเงินทุกสกุลในโลก ไม่ใช่เฉพาะค่าเงินบาท
นางผ่องเพ็ญกล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ค่าเงินบาทและค่าเงินสกุลสำคัญๆ ในตลาดโลก มีความผันผวนมาก ธปท.ก็ไม่จะไม่เข้าไปแทรกแซงเกินคามจำเป็น แต่จะปล่อยให้ความผันผวนเกิดขึ้นตามที่มันควรจะเป็น และเหตุผลที่ธปท.จะเข้าไปดูแลค่าเงินให้น้อยลงเพราะเรื่องต้นทุนในการบริหารจัดการจากตรงนี้มีสูงมาก และหากดูผู้เล่นเองแล้ว ก็เห็นว่าสามารถรับรอบความผันผวนได้มากขึ้น จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะเข้าไปดูแล
สำหรับความเสี่ยงที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 คือ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและจีน และการเกินดุลการค้าของไทยที่ลดลง และที่สำคัญคือปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป แม้จะเป็นปัญหาเดิม แต่ปีนี้พัฒนาการของปัญหาจะมีความเข้มขนและรุนแรงมากขึ้น เพราะปัญหาดังกล่าวได้รุกรามไปยังเศรษฐกิจประเทศใหญ่ เช่น เยอรมัน และฝรั่งเศส ที่อาจจะต้องแบกภาระหนี้ของประเทศกลางและเล็ก ที่มีแนวโน้มร้ายแรงและมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น การลดการปล่อยสินเชื่อ การลงทุน เพราะเพื่อดึงเงินไปเพิ่มทุนในธนาคารของยุโรป ดังนั้นปัญหาดังกล่าวนี้ จะส่งผลให้การกู้ยืมจากต่างประเทศทำได้ยากขึ้นและมีต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลตอบแทน การลงทุนของประเทศในที่สุด
"ทุกเรื่องถือว่า มีผลต่อค่าเงินสกุลหลัก ไม่ใช่เฉพาะเงินบาทไทย ซึ่งเป็นปัจจัยที่เขย่ารา คา หลักทรัพย์ สินทรัพย์ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่ก่อตัวอยู่แล้ว เพียง แต่หลังจากนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไร" นางผ่องเพ็ญกล่าว
ที่มา : แนวหน้า