พลังงานยืนยันเลิกอุ้มราคาก๊าซ-น้ำมัน

พิชัย” ไฟเขียวเลิกตรึงราคาน้ำมัน ส่งผลดีเซลจ่อทะลุ 30 บาทต่อลิตร ยัน16 ม.ค.นี้เดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ พร้อมส่งซิกช่วยอุ้มเอ็นจีวีเฉพาะรถสาธารณะเท่านั้น ด้าน ปตท.เร่งจ่ายเอ็นจีวีเข้าระบบอีก 1,400 ตัน/วัน รองรับสถานีแม่ 19 แห่ง คาดเสร็จไตรมาส 3 ก่อนสิ้นปี

    พิชัย” ไฟเขียวเลิกตรึงราคาน้ำมัน ส่งผลดีเซลจ่อทะลุ 30 บาทต่อลิตร ยัน16 ม.ค.นี้เดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ พร้อมส่งซิกช่วยอุ้มเอ็นจีวีเฉพาะรถสาธารณะเท่านั้น ด้าน ปตท.เร่งจ่ายเอ็นจีวีเข้าระบบอีก 1,400 ตัน/วัน รองรับสถานีแม่ 19 แห่ง คาดเสร็จไตรมาส 3 ก่อนสิ้นปี

    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานยืนยันตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2555 จะเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ทั้งราคาน้ำมัน ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) และก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เพราะการตรึงราคาพลังงานในระยะยาวไม่ได้ส่งผลดีต่อประเทศเลย สุดท้ายก็จะเกิดปัญหาเหมือนกับประเทศมาเลเซียที่มีการตรึงราคามานานจนโครงสร้างราคาพลังงานบิดเบือน

    ทั้งนี้ ตามมติ กพช.กำหนดว่า วันที่ 16 ม.ค.2555 นี้ จะเริ่มการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ โดยการทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคืนในส่วนน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์เดือนละ 1 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลเดือนละ 60 สตางค์ต่อลิตร ส่วนราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนจะตรึงราคาที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ต่อถึงสิ้นปี 2555 นี้ แต่ภาคขนส่งจะเริ่มทยอยปรับขึ้นเดือนละ 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม รวมทั้งราคาเอ็นจีวีภาคขนส่งก็จะทยอยขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม เช่นกัน

    นอกจากนี้ สิ้นเดือน ม.ค.2555 นี้ จะครบกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5.31 บาทต่อลิตร ก็จะเริ่มทยอยเก็บเงินสรรพสามิตน้ำมันดีเซลคืน ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหลังจากนี้จะทะลุระดับ 30 บาทต่อลิตร 

    นายพิชัยกล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ประกอบการแท็กซี่เอ็นจีวีนั้น แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่สามารถใช้บัตรเครดิตพลังงานวงเงิน 3,000 บาทได้ เนื่องจากต้องรอทำใบขับขี่สาธารณะให้สามารถใช้เป็นบัตรประจำผู้ขับรถ เพื่อใช้เป็นบัตรส่วนลดวงเงิน 9,000 บาท แทนไปก่อนได้ชั่วคราว 1-2 เดือน และยังสั่งให้ ปตท.ศึกษาเพื่อทำบัตรเครดิตพลังงานให้ใช้สำหรับรถเอ็นจีวีสาธารณะ เช่น รถตู้ รถเมล์ และรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งคาดว่าน่าจะเสร็จทันก่อนการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบในวันที่ 16 ม.ค.นี้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซิน 40 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี-85 ปรับขึ้น 20 สตางค์ต่อลิตร มีผลเช้าวันที่ 11 ม.ค.นี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเป็น น้ำมันเบนซิน 91 อยู่ที่ 36.97 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.69 บาทต่อลิตร,แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 33.94 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์อี-20 อยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์อี-85 อยู่ที่ 22.12 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลคงเดิมที่ 29.99 บาทต่อลิตร

    นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5.80 บ.ต่อลิตร และยังลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ อีก จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตาว่ารัฐบาลจะบริหารอย่างไร เพราะการลดภาษีฯดีเซลจะหมดอายุลงสิ้นเดือน ม.ค.55 นี้ และหากขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร ค่าโดยสารรถต่างๆ จะต้องมีการเรียกร้องปรับขึ้นตามที่ผู้ประกอบการเคยขีดเส้นไว้ ขณะที่ช่วงนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกค่อนข้างสูง ซึ่งที่ผ่านมารัฐน่าจะใช้จังหวะดีเซลขาลงค่อยๆ ทยอยลดการช่วยเหลือแต่กลับไม่ทำ

    นายเติมชัย บุนนาค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บมจ.ปตท กล่าวว่า ปตท ได้เร่งแผนการเพิ่มปริมาณจ่ายเอ็นจีวี 1,400 ตันเข้าระบบให้เร็วขึ้น เพื่อรองรับสถานีหลักจ่ายก๊าซที่มีอยู่ 19 แห่งให้เพียงพอกับความต้องการ คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2555 นี้ หลังกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาก๊าซฯ ขาดแคลน อย่างไรก็ตาม ในเดือน ม.ค.นี้ จะเพิ่มการจ่ายก๊าซฯ จำนวน 400 ตันต่อวัน เพื่อขยายไปยังภาคเหนือ 100 ตันต่อวัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 100 ตันต่อวัน และ กทม. 200 ตันต่อวัน หลังจากนั้นเดือน มี.ค.จะเพิ่มอีก 500 ตันต่อวัน ส่วนที่เหลืออีก 500 ตันต่อวัน จะดำเนินการภายในไตรมาส 3.

ที่มา : ไทยโพสต์

NEWS & TRENDS