ส่งออกไทยเจอหลายปัจจัยลบ ทั้งศก.โลกผันผวน อุทกภัย อัตราแลกเปลี่ยน ตัวเลขส่งออกเดือนพฤศจิกายน วูบ 12% ต่ำสุดรอบ 2 ปี สาเหตุหลักสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ ยายานต์ โดนน้ำท่วม พาณิชย์คาดเดือนธันวาคม ก็ยังร่วงอีก ทำให้ในภาพรวมส่งออกไทยจะลดลงไปถึงไตรมาส1ของปี 2555 เผยอุตฯรถยนต์ยังไม่ฟื้น เตรียมหันไปปลุกกลุ่มอัญมณี ที่ยังมีโอกาสโตได้อีก
ส่งออกไทยเจอหลายปัจจัยลบ ทั้งศก.โลกผันผวน อุทกภัย อัตราแลกเปลี่ยน ตัวเลขส่งออกเดือนพฤศจิกายน วูบ 12% ต่ำสุดรอบ 2 ปี สาเหตุหลักสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ ยายานต์ โดนน้ำท่วม พาณิชย์คาดเดือนธันวาคม ก็ยังร่วงอีก ทำให้ในภาพรวมส่งออกไทยจะลดลงไปถึงไตรมาส1ของปี 2555 เผยอุตฯรถยนต์ยังไม่ฟื้น เตรียมหันไปปลุกกลุ่มอัญมณี ที่ยังมีโอกาสโตได้อีก
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ในไทย ทำให้การส่งออกในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวลดลงกว่า 12.4% โดยมีมูลค่าการส่งออก 15,498 ล้านดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบ 2 ปี หากคิดเป็นรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 474,090 ล้านบาท ลดลง 9.7 % ไทยขาดดุลการค้า 1,373 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดในรูปเงินบาทขาดดุลมูลค่า 48,422 ล้านบาท
"อีกทั้งมองว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยยังจะลดลงต่อเนื่องไปอีก โดยเฉพาะเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งคาดว่า จะลดลงมากและการส่งออกจะลดลงถึงไตรมาส 1 ของปี 2555 โดยส่วนใหญ่เป็นผลที่เกิดจากผลกระทบน้ำท่วม และกว่านิคมอุตสาหกรรมจะฟื้นฟูกลับมาผลิตได้ก็ต้องใช้เวลา "
ทั้งนี้ เมื่อดูตัวเลขการส่งออกรายสินค้าในเดือนพฤศจิกายน พบว่า กลุ่มสินค้าเกษตรขยายตัว 11.3% โดยสินค้าเกษตรสำคัญๆ ที่ขยายตัวได้แก่ ยางพารา ขยายตัว 24.1 % ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 20.1% และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัว 20.2 % ขณะที่การส่งออกข้าวมูลค่าการส่งออกลดลง 21.1 % สำหรับสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมลดลง 26.7 % เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ลดลง 47.4 % ยานยนต์ ลดลง 54.7%
รมช.พาณิชย์กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณา ตามประเภทของตลาดส่งออก พบว่าตลาดศักยภาพสูงส่งออกลดลง 8.4 % โดยเฉพาะฮ่องกงลดลง 43.6 % ส่วนตลาดหลัก ส่งออกลดลง 16.9% เป็นการลดลงของสหภาพยุโรป 28.8 % และสหรัฐอเมริกา 13.9% ญี่ปุ่น 8.7 ส่วนตลาดศักยภาพรองส่งออกลดลง 19.8 % เช่น ตลาดทวีปออสเตรเลียลดลง 33.1 %
ขณะที่ ตัวเลขการนำเข้าเดือนพฤศจิกายน 2554 มีมูลค่า 16,872 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.4 % หากคิดในรูปเงินบาทการนำเข้ามีมูลค่า 522,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6 % เมื่อแยกตามประเภทสินค้าที่นำเข้า พบว่า สินค้าเชื้อเพลิง ลดลง 6.1 % สินค้าทุน ลดลง 2.9 % สินค้าอุปโภคและบริโภค เพิ่มขึ้น 8.6 % สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป ลดลง 2.7 %
ส่วนการส่งออกในช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม-พฤศจิกายน) มีมูลค่า 211,809 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19 % และหากคิดในรูปของเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 6,372,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6 % ส่วนการนำเข้าในระยะ 11 เดือน (มกราคม - พฤศจิกายน) 2554 มีมูลค่า 209,345 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.5 % หากคิดในรูปเงินบาทการนำเข้ามีมูลค่า 6,376,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7 % ไทยยังคงเกินดุลการค้ารวม 2,465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากคิดในรูปเงินบาทขาดดุล 4,179 ล้านบาท
นายศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการส่งออกในปี 2555 ช่วงไตรมาส 1 กระทรวงพาณิชย์ จะเน้นส่งเสริมการส่งออกในตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะตลาดอาเซียน จีน อินเดีย ตลาดลาตินอเมริกา โดยจะมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสออกไปเจรจาหรือร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมเรื่องการประสานงานให้ข้อมูล หาตลาด สำหรับกลุ่มสินค้าที่จะมีการส่งเสริมอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอัญมณีที่มีมูลค่าส่งออกประมาณ 300,000-400,00 ล้านบาท เมื่อเทียบกับมูลค่าส่งออกทั่วโลกไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 3% ถือว่ายังมีช่องว่างให้สินค้าอัญมณีไทยไปสู่ตลาดโลกได้อีกมากและหากมีการส่งเสริมกันอย่างจริงจังก็มั่นใจว่าจะทำให้สินค้าอัญมณีไทยมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีหน้า
"ในส่วนของสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากอุทกภัยซึ่งกว่าจะฟื้นตัวได้ก็คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2 ของปี 2555 ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออกจึงหันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมตลาดอัญมณีที่ยังมีช่องทางการเติบโตอีกมาก นอกจากนี้ปัจจัยที่จะมีการจับตาในการส่งออกในปี 2555 คือ ความผันผวนของเศรษฐกิจ อุทกภัย อัตราแลกเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ยังคงเป้าการส่งออกของปี 2555ที่ 15%"นายศิริวัฒน์ กล่าว
ที่มา : แนวหน้า