นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มากขึ้น เพื่อทดแทนสินเชื่อส่งออก สินเชื่อโครงการของรัฐ และสินเชื่อบุคคลที่ปรับลดลง โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการส่งออกที่ผู้ประกอบการเริ่มกังวลมากขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยส่วนใหญ่ยังพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มากขึ้น เพื่อทดแทนสินเชื่อส่งออก สินเชื่อโครงการของรัฐ และสินเชื่อบุคคลที่ปรับลดลง โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการส่งออกที่ผู้ประกอบการเริ่มกังวลมากขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยส่วนใหญ่ยังพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
ทั้งนี้ การส่งออกที่ปรับตัวลดลงทั้งปริมาณ และราคา ส่งผลให้ความต้องการใช้สินเชื่อที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของผู้ประกอบการ ส่งออกปรับลดลงตามไปด้วย ขณะที่ความต้องการสินเชื่อภาครัฐ ในโครงการการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่คาดว่าจะเริ่มปล่อยสินเชื่อได้ ในปี 57 ส่วนสินเชื่อบุคคลมีความเสี่ยงของหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้น้อยลง ซึ่งธนาคารจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
“ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีมีความต้องการสินเชื่อสูง ที่สำคัญยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ได้ จึงเป็นโอกาสของธนาคารที่เข้าไปเจาะลูกค้าในกลุ่มนี้ แต่ปัจจุบันต้องติดตามรอยต่อระหว่างที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัว กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถช่วยผู้ประกอบการส่งออกของไทยได้หรือไม่ จากปัจจุบันไทยส่งออกสินค้าไปยังจีนจำนวนมาก เมื่อสหรัฐฯฟื้นตัวผู้ส่งออกกลับไปส่งออกสินค้าไปขายสหรัฐฯ ทดแทนตลาดจีนได้ทันหรือไม่สำหรับสภาพคล่องในระบบลดลง เป็นผลจากสินเชื่อมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าเงินฝากมาต่อเนื่อง ทำให้สภาพคล่องในระบบลดลง” นายบุญทักษ์ กล่าว