นายพิทยา ธนาดํารงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าไม่หวั่นคู่แข่งแบรนด์รถจีนค่ายใหม่ ที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย เพราะเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำด้านการทำตลาดรถจีนในเมืองไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จากยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 พร้อมเผยการเตรียมแผนขยายฐานโรงงานการผลิต รับการก้าวสู่ AEC อย่างมีศักยภาพ
นายพิทยา ธนาดํารงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าไม่หวั่นคู่แข่งแบรนด์รถจีนค่ายใหม่ ที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย เพราะเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำด้านการทำตลาดรถจีนในเมืองไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จากยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 พร้อมเผยการเตรียมแผนขยายฐานโรงงานการผลิต รับการก้าวสู่ AEC อย่างมีศักยภาพ
ด้วยการขยายตัวที่สูงขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนจนเกิดภาวะสินค้าล้นตลาด ทำให้รถยนต์จีนของแบรนด์ต่างๆเริ่มขยายการทำตลาดนอกประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย ที่จัดว่าเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอาเซียน และยังเป็นฐานการผลิตให้กับรถยนต์ชั้นนำของโลกหลายยี่ห้อ โดยมีกำลังผลิตอยู่ที่ 2,500,000 คัน ถือว่าเป็นที่ 5 ของเอเชีย และเป็นที่ 9 ของโลก ทั้งยังเกี่ยวข้องกับอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆมากมาย เฉพาะชิ้นส่วนที่สำคัญมีถึง 3,000 ชิ้นส่วน และมีอะไหล่ต่างๆ อีกถึง 30,000 ชิ้นส่วน จึงทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จึงเห็นได้ว่ามีค่ายรถจีนใหม่ๆ หันมาสร้างสีสันในแวดวงยานยนต์ไทยอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม จากที่ ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ได้ทำตลาดรถมินิทรั๊คในเมืองไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบัน และประสบความสำเร็จด้วยการมียอดขายที่เติบโต 50% ต่อเนื่องกันมาทุกปีนั้น มองว่า รถจีนที่จะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยไม่ได้เป็นคู่แข่งกับ ตงฟง มอเตอร์ส เนื่องจากเป็นรถคนละกลุ่ม แต่ทางบริษัทฯกลับมองว่าเป็นโอกาสอันดีกับตงฟง ที่มีแบรนด์รถอื่นๆจากจีนเข้ามามากขึ้น เพราะส่งผลให้ตลาดรถจีนในเมืองไทยเป็นที่น่าสนใจและยังเป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้าอีกด้วย จากการทำตลาดรถจีนในเมืองไทยมาหลายปีทำให้เราเข้าใจถึงกลุ่มเป้าหมายชัดเจนมากขึ้นว่า ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญในเรื่องราคาควบคู่คุณภาพ ทำให้เรามองเห็นทิศทางการตลาดของการปรับตัวเพื่อเข้าสู่ AEC อย่างมีประสิทธิภาพ และเหฌนถึงกลไกการเติบโตด้านนวัตกรรมของโลกรถยนต์ที่พัฒนาไปเรื่อยๆ แน่นอนว่ารถจีนกำลังตอบโจทย์รถยนต์ประเภทeconomic ที่ประหยัดทั้งในเรื่องต้นทุน และประหยัดพลังงาน”
นายพิทยา กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนการก้าวเข้าสู่ AEC ในปี 2558 บริษัทฯ ได้เตรียมขยายฐานกำลังผลิตของโรงงานผลิตและประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อรองรับการเป็นฐานการผลิตส่งออกรถยนต์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรองรับตลาดทั้งในประเทศที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการผลิตที่ 10,000 คันต่อปี ในปี 2015
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า รถยนต์ของตงฟง เป็นรถที่เหมาะกับประเทศที่กำลังพัฒนาและเต็มไปด้วยผู้ประกอบการระดับ SMEs ในระดับเล็กหรือกำลังเริ่มต้น ที่ความต้องการทางรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่มีขนาดเหมาะสม ซึ่ง ตงฟง สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของสมรรถนะ ความคุ้มค่า และคุณภาพที่ดี ตลอดจนการบริการหลังการขายที่ครบวงจร เราเชื่อมั่นว่า รถยนต์ตงฟง จะสามารถก้าวเข้าสู่ความเป็นค่ายรถยนต์ชั้นนำในไทยและ AEC ได้ในเวลาไม่ช้าและยังส่งเสริมเศรษฐกิจด้านยานยนต์ของประเทศอีกด้วย"